เป็นละครที่ถูกพูดถึงอย่างมากสำหรับละครอิงประวัติศาสตร์จากค่ายเจเอสแอล เรื่อง ‘อตีตา’ ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางช่อง 7 โดยเฉพาะอ๋อม – อรรคพันธ์ นะมาตร์ ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้นจากบท ‘เมืองใจ’ หนุ่มบางระจันผู้รักแผ่นดินยิ่งชีพ ขนาดทมยันตี เจ้าของบทประพันธ์ยังออกปากชมกับทีมงานว่า “เมืองใจของฉัน เขาเล่นที่สายตา”
คลิก!!!
|
“โหยย ผมชอบมากๆ มากเลย” อ๋อมบอกด้วยแววตาเป็นประกายเมื่อถูกถามถึงผลงานชิ้นนี้
“ชอบเนื้อเรื่องที่ทำให้มองย้อนกลับมาถึงปัจจุบันได้ในแง่ของความแตกแยก ได้เห็นว่าคนสมัยก่อนเขาสามัคคีกันแค่ไหน โอเค อาจจะมีแบ่งพรรคแบ่งพวกบ้าง แต่พอถึงเวลาเขาก็รวมตัวกันเพื่อสู้กับข้าศึกได้”
“และมองได้ถึงความทุ่มเท เสียสละ ตัวเมืองใจเขามีความรักผู้หญิง รักพ่อแม่ แต่สุดท้ายเขารักแผ่นดินมากที่สุด เขายอมตายเพื่อแผ่นดินได้ แล้วไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แต่ทุกคนไม่ว่าหญิงชายก็ยอมแลกหมด”
ขณะเดียวกันก็ชอบ “การส่งอารมณ์ของผู้กำกับที่ให้เราถ่ายทอดออกมาในภาพรวม ผมว่ามันดีมากๆ”
ส่วนหนึ่งที่ออกมาได้น่าพอใจขนาดนั้นอาจเพราะการถ่ายทำที่ยาวนานเกือบ 3 ปี โดยเพิ่งปิดกล้องไปเมื่อเดือนที่แล้ว
“เป็นละครแห่งปีครับ” เขาบอกขำๆ
“เราใช้เวลาถ่ายทำค่อนข้างนาน เพราะต้องปราณีตในส่วนของบท โลเคชั่น การแสดง หลายอย่างปรับให้ดีที่สุด พอละครออกอากาศ ฟีดแบคที่กลับมาชมทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องภาพ แสง การแต่งกาย ฯลฯ มันจะเริ่มจากศูนย์ถึงร้อย”
“พอเราได้คลุกคลีกับตัวละครตัวนี้ บทประพันธ์เรื่องนี้ เรารู้สึกว่าเขาแลกหลายอย่าง ยอมแลกด้วยความเสียสละ ความรัก ยอมเอาเลือดทาพื้น”
แม้แต่ตัวละคร ‘ศิโรตม์’ ที่ไมค์ – ภัทรเดช สงวนความดี แสดง ซึ่งเป็นคนในยุคปัจจุบันที่หลุดเข้าไปอดีตก็สะท้อนข้อคิดที่ว่าได้เป็นอย่างดี ด้วยการเปลี่ยนตัวเองจากคนไม่เอาไหนเป็นคนที่สามารถแลกชีวิตเพื่อแผ่นดินได้ และแม้จะรู้จุดจบของบ้านบางระจันแต่เจ้าตัวก็พร้อมสู้จนตาย
“เขาคือตัวแทนของของคนรุ่นใหม่ ในขณะที่ผมเป็นตัวแทนของคนบางระจัน พอมาเจอกันมันเลยซึมซับอะไรบางอย่างเข้าหากัน”
“คือมันดีนะสำหรับเด็กที่ไม่อ่านหนังสือ ไม่ตั้งใจเรียน แต่พอมาดูละครมันทำให้เขาอยากเรียนรู้เรื่องราวและเข้าใจง่าย ชาวบ้านบางระจันคอยกันศึกไม่ให้เข้าไปถึงอโยธยา ไม่ให้แผ่นดินใหญ่ถูกทำลาย มันเป็นภาพที่เข้าใจง่ายมากเลย เด็กก็ดูได้ ผู้ใหญ่ก็ดูได้ มันเป็นการอธิบายเรื่องราวโดยที่ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องเรียน มันเหมือนเป็นการสอนไปในตัว”
“ถ้าดูแล้วนำกลับไปใช้มันจะเป็นอะไรที่ดีมาก”
อย่างตัวเขาเองก็ได้รู้ประวัติศาสตร์มากขึ้น จนสารภาพตรงๆ ว่าที่เล่นได้ดีขนาดนี้เพราะอินจัด
ตัวละครที่เราเล่นเขามีตัวตนจริงๆและเสียชีวิตไปแล้ว พอเราไปสวมบทเป็นตัวเขาเลยรู้สึกเยอะขึ้นกว่าเรื่องอื่นๆ ผมเชื่อว่านักแสดงทั้งหมดไม่ว่าจะเอ็กซ์ตร้าหรืออะไรก็แล้วแต่เขาสัมผัสได้
“ต้องชมคนเขียนบทเก่งมากครับ ด้วยบทที่เขียนมา คำพูดที่กินใจ เวลาพูดมันค่อนข้างหนักในความรู้สึก”
อย่างฉากหนึ่งที่ยังประทับใจจนทุกวันนี้คือ ตอนที่หนีแม่ไปรบแล้วกลับมาบอกว่า “หัวของเมืองใจนี้แม้ตัดทิ้งสักพันครั้งก็มิอาจทดแทนหยาดน้ำนมเพียงหยดหนึ่งของท่านแม่”
“มันเป็นคำที่แบบ…เวลาเราอ่านบทหรือเล่นทีไรมันก็ขนลุกทุกครั้ง คือเขาจากแม่ไปอยู่บางระจัน ไม่ใช่ไม่รัก รักนะ แต่มันมีหน้าที่ที่ต้องทำ เพื่อแผ่นดิน เพื่อคนหมู่มาก มันต้องรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ขนาดแม่และครอบครัวเขายังยอมแลกได้เลย เพราะฉะนั้นมันยิ่งใหญ่มาก”
ทว่าอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายคือกระแสคู่จิ้นกับไมค์ ทั้งที่ในเรื่องแมน-แมนกันทั้งคู่
“แปลกมากๆ” อ๋อมว่าพลางหัวเราะยกใหญ่
“พอมีคนเริ่มมาคนนึง มันเลยต่อๆ กันไปว่าชอบให้อยู่ด้วยกัน แล้วทั้งคู่ต้องกินด้วยกัน นอนด้วยกัน พากันไปอาบน้ำ มันเลยทำให้คนคิดว่าทำไมต้องดูแลกันขนาดนี้นะ”
“มันอาจจะผิดจากความเป็นจริงไปหน่อย แต่จริงๆไม่ได้แย่นะ มันคือสิ่งที่ดีที่คนชอบ ชอบที่เราอยู่ด้วยกัน ชอบดูผลงานของเรา”
โดยหลังจากเรื่องนี้จบ อ๋อมยังมีถ่ายละคร ‘แม่อายสะอื้น’ และ ‘ลูกไม้ไกลต้น’ ของค่ายมีเดียสตูติโอเดียทั้ง 2 เรื่อง และคาดว่าจะมีอีกหลายเรื่องที่จ่อคิวตามมา
พอถูกแซวว่าเป็นพระเอกฮอต เขารีบส่ายหน้า “จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ใช่ เราอายุขนาดนี้แล้ว”
“มันเป็นงานต่อเนื่อง ไม่หวือหวามาก ไม่เปรี้ยงปร้างมาก แต่ผมขออยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆดีกว่า ขอพื้นที่อย่างนี้ มีงานไปเรื่อยๆ ปิดกล้องเรื่องนี้ เปิดกล้องเรื่องใหม่ ผมโอเค” พระเอกวัย 31 บอกยิ้มๆ
เช่นเดียวกับเรื่องถูกจับไปเปรียบเทียบกับพระเอกคนอื่นที่เขารีบบอก “อย่าเลย ผมไม่อยากเปรียบเทียบกับใคร อยากให้มองผลงานของแต่ละคนมากกว่าว่าเขาทำออกมาเป็นยังไง อย่าเปรียบเทียบว่าใครมาก่อนใคร หรือใครต้องมาแข่งกับใคร”
“ไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว แต่เพราะนักแสดงในสังกัดไม่ได้เยอะมาก ทุกคนก็จะมีงานอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ตามที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม”
เมื่อถามถึงขีดจำกัดในการรับงาน เขาบอกทันทีว่าไม่มี หากเรื่องไหนปิดกล้องเร็วก็พร้อมรับงานเรื่องใหม่ทันที
“พร้อมทำงานตลอดเวลาครับ เพราะยังอยู่ในช่วงที่เราทำงานได้ ผมยังสนุกกับการไปกองถ่าย สนุกกับการถ่ายละครอยู่”
“ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยอยู่แล้ว แต่เรามองให้เป็นการไปเที่ยว ไปเล่นในกอง มองให้งานสนุกมันก็จะสนุกกับการทำงานไปเอง”
และผลของความสุขที่ว่าก็จะสะท้อนออกมาในผลงานเอง
ที่มา มติชนออนไลน์