เมื่อ 18 ก.พ. บีบีซีรายงานว่า บริษัท โซนี่ หนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยีความบันเทิงจากประเทศญี่ปุ่น เปิดรับสั่งจอง "SmartEyeglass" แว่นตาอัจฉริยะที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) ซึ่งจะวางจำหน่ายเป็นเจ้าแรกของโลก ในราคา 840 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 27,000 บาท ตัดหน้า Microsoft HoloLens ที่เปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาไปเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
คลิก!!!
|
แว่นตาของโซนี่จะเริ่มจำหน่ายในประเทศเยอรมนี และอังกฤษก่อน ส่วนญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศอื่นๆจะตามมาในภายหลัง ซึ่ง SmartEyeglass นี้ สนับสนุนระบบปฏิบัติการ Andriod จาก Google และจะมาพร้อมกับซอฟต์แวร์สำหรับผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ "Google Glass" แว่นตา AR ที่สร้างความฮือฮาให้วงการถูก Google ประกาศยุติโครงการเพื่อเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาใหม่ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า SmartEyeglass อาจไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
รายงานระบุว่า SmartEyeglass มีน้ำหนัก 77 กรัม ภายในติดตั้งเซ็นเซอร์ accelerometer, gyroscope, compass เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงและภาพ พร้อมกล้องถ่ายภาพ 3 ล้านพิกเซล และไมโครโฟน ขณะที่ ตัวควบคุมออกแบบมาให้ติดตั้งไว้บนเสื้อ ประกอบไปด้วยลำโพงจิ๋ว เซ็นเซอร์ระบบสัมผัส และแบตเตอรี่ ส่วนข้อความนั้นจะส่งไปยังหน้าจอแสดงผลในแว่นตา
ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิ้ล เคยให้สัมภาษณ์ว่าแว่นตาอัจฉริยะอาจไม่ได้รับความนิยม และการลงทุนด้านแว่นตาอัจฉริยะถือว่าไม่ฉลาด เนื่องจากผู้บริโภคไม่น่าจะต้องการใส่แว่นเหล่านี้ เพราะทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตมากเกินไป ขัดแย้งกับสิ่งที่แอปเปิ้ลเชื่อ คือการนำเทคโนโลยีไปไว้เบื้องหลัง
สจวร์ต ไมลส์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Pocket-lint ให้ความเห็นว่า โซนี่กำลังเสียเวลาเปล่า เพราะแม้แต่ Google Glass ที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับแว่นตาทั่วไปมากแล้วยังถูกยุติการพัฒนาและเปลี่ยนทิศทางใหม่ ตนมองไม่เห็นว่า แว่นตา AR ของโซนี่ ที่ทั้งใหญ่และหนากว่าของ Google จะได้รับความนิยมได้อย่างไร
"คนทั่วไปชอบที่จะสวมนาฬิกาข้อมือและกำไลอัจฉริยะ แต่กับใบหน้านั้นเป็นคนละเรื่อง เพราะผู้คนแคร์รูปลักษณ์ของใบหน้าตัวเองมาก การสวมแว่นตาบนใบหน้านั้น ถือเป็นคนละเรื่องกับการสวมอุปกรณ์พวกนี้บนแขน แม้อุตสาหกรรมไอทีจะพยายามผลักดันแว่นตาพวกนี้ แต่ผู้บริโภคกลับไม่ต้องการ" นายไมล์ส กล่าว
สำหรับ Augmented Reality (AR) คือการนำภาพกราฟิกที่กำเนิดจากอุปกรณ์สอดแทรกเข้ามาในสภาพแวดล้อมจริงในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ก่อนหน้า ได้แก่ Microsoft HoloLens
สิ่งที่แตกต่างอย่างไรกับ Virtual Reality (VR) คือ Virtual Reality เป็นการนำผู้ใช้เข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำลองขึ้นอย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ก่อนหน้า ได้แก่ Oculus VR และ Samsung Gear VR
ที่มา ข่าวสดออนไลน์