คลิก!!!

เพื่อแฟนรายการที่นี่หมอชิต คืนวันอาทิตย์นี้สามพิธีกร ดู๋-สัญญา คุณากร, ลิง-สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ และ นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี ตีตั๋วบินไปหาแขกรับเชิญ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ถึงที่เชียงใหม่ ไปเยี่ยมชมบ้านและ “ยาหยี บูติค โฮเทล” ในซอยนิมมาน 17 กิจการส่วนตัวของบักจ่อยที่จะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้

งานนี้สามพิธีกรบุกไปถึงบ้านของอนันดาที่เจ้าตัวซื้ออยู่กับคุณแม่ แก้ว-สิริสมพร ซึ่งวันนี้คุณแม่ก็อยู่ต้อนรับสามพิธีกรพร้อมหน้าพร้อมตากับลูกชาย พร้อมพาทัวร์ชมบ้าน และยังเล่าวีรกรรมเด็ดๆ แสบๆ ของลูกชายให้พิธีกรและผู้ชมฟังพร้อมๆ กันอีกด้วย ชมบ้านกันแล้วอนันดาจะพาทุกคนไปชมกิจการใหม่อีกแห่งที่อยู่ในซอยนิมมาน 17 เป็นโรงแรมที่ชื่อ ยาหยี บูติค โฮเทล ที่อนันดาบอกว่าตอนนี้กำลังทุ่มเวลาส่วนใหญ่ให้กับที่นี่เพื่อที่จะเปิดให้ทันปลายปีนี้ ซึ่งระหว่างชมโรงแรม อนันดาพาทุกคนไปนั่งมุมโปรดของตัวเองพร้อมกับนั่งคุยเรื่องราวชีวิตและงานหลายๆ อย่างให้ฟัง

บ้านหลังนี้อยู่มานานหรือยัง / อยู่กับใครบ้าง
อนันดา : "อยู่กับแม่ครับเป็นบ้านหลังแรกที่เชียงใหม่ ก็ซื้อไว้ให้แม่อยู่ ได้สัญชาติไทยก็ซื้อเลย ประมาณ 4 ปีแล้วครับ"

ทำไมถึงหลงเสน่ห์เชียงใหม่
อนันดา : "ชีวิตมันคุ้มกว่า ชีวิตกรุงเทพฯ วันๆ ทำได้กี่อย่าง เช้าอย่าง เย็นอย่าง ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว ปวดหัว แต่ที่เชียงใหม่ทำได้หลายอย่างกว่า มีเวลานั่งกินกาแฟ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ถ่ายรูป และก็มีเวลานั่งดัดจริตด้วย"

แล้วเรื่องการเลี้ยงดู…เห็นบอกว่ามีบทเรียนที่เคยเหลวแหลกช่วงวัยรุ่น
อนันดา : "คือพ่อกับแม่ก็เลี้ยงแบบอิสระ อยากทำอะไรก็ทำไป ไม่มีกฎอะไรเลย เหมือนแค่มีพื้นฐาน Common Sense ให้มันดี แต่ชีวิตผมก็เคยพังมาก่อน ( หัวเราะ ) ถูกตำรวจจับติดที่บ้านเมตตา ก่อนเข้าวงการ ตอนนั้นกลัวมาก … ตอนเด็กเราก็ชอบความ BAD ข้ามเส้นไปบ้างอันตราย คนไม่เจอก็ไม่เป็นไร แต่ผมข้ามเส้นไปแล้วเลยโดนจับ … ครอบครองยาเสพติด มีคดี ต้องขึ้นศาล ตกใจหัวฟู ชีวิตพังแล้วทำยังไงดี เราก็จะเห็นได้ชัดว่ามันไม่เกิดประโยชน์ แล้วตอนที่โดนจับเพื่อนกูหายหัวกันไปหมด ไอ้พวกที่เท่ๆ เนี่ย เผ่นกันหมดเลยถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็คงไปตบกระโหลกตัวเองว่าแกทำอะไรอยู่เนี่ย แต่มันก็เด็ก เด็กก็คิดว่าการเป็นกบฏมันเท่มาก"

อนันดาที่โตขึ้น มุมมอง และการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปไหม ( ความมั่นใจ / อีโก้ )
อนันดา : "ตอนนี้อายุ 32 กำลังเป็นช่วงแรกของการโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้ายังมีพลัง มีปัญญาอยู่ทำไมไม่ใช้ ทำให้ มัน Work hard and Play hard คือตอนช่วง 20 ต้นๆ ปัญหาหลักคืออีโก้ของตัวเอง คิดลึก จะทำไรดี ต้องเครียด ต้องจริงจัง แต่พอโตขึ้นแบบ ไม่ต้องเป็นอย่างงั้นเลยก็ได้ไร้สาระแบบนี้ก็ทำอะไรได้ และทำง่ายกว่าด้วย เหมือนปล่อยวางชนิดนึง แต่ผมก็ไม่ได้ธรรมะธรรมโมหรอก ไม่ได้ปลง หรือเข้าใจชีวิตขนาดนั้น ยังมีมุม Dark แค่มันรู้จักปล่อยวางอีโก้ตัวเองเฉยๆ และเราเห็นเอง ว่าเวลามีอีโก้ทำอะไรก็ไม่ค่อยสำเร็จ เพราะเราเป็นแบบนี้ เรายากไปเอง เครียดกับทุกอณู ซึ่งไม่จำเป็น เพราะบางอย่างมันนอกคอนโทรล แล้วพอเราปล่อยไปปรากฎว่ามันสมูทกว่าเดิม คือความมั่นใจสมัยก่อนเกิดจากอีโก้ แต่ความมั่นใจตอนนี้เกิดจากข้อมูล ตอนนี้ชีวิตไม่ค่อยน่ากลัว เพราะเราเข้าใจขั้นตอนว่าเราจะทำอะไร เพื่อให้ไปถึง GOAL"

แล้วโรงแรมเริ่มสร้างมานานหรือยัง / ได้ไอเดียมาจากไหน
อนันดา : "จริงๆ ก็ 2 – 3 ปีครับ ตามแผนน่าจะเสร็จนานแล้ว แต่ผมก็ไม่ค่อยมีเวลามาดูเท่าไหร่ เพราะอยู่แต่กรุงเทพฯ ปัญหาเยอะ … พอเริ่มเข้ามาดูได้ก็เลยเข้ามาจี้หนักเลย ตั้งใจให้เสร็จทันปลายปีนี้ มี14 ห้องครับ ชื่อ ยาหยี ผมตั้งเอง ความตั้งใจคือคอนเซ็ปต์พูดถึงผู้หญิง"

ตอนนี้จากนักแสดง เพิ่มมาเป็นผู้บริหารแล้ว ต้องดูแลอะไรบ้าง
อนันดา : "ก็ทำ Production House แหล่ะครับ ตอนแรกมีพนักงานแบบครอบครัวกันเอง 7 – 8 คน ตอนนี้มี เพิ่มเกือบ 40 คนแล้ว เดินเข้าบริษัททีไม่รู้แล้วใครเป็นใคร (หัวเราะ) แต่ผมจะไม่ค่อยไปยุ่งเรื่องทีวีเท่าไหร่ แต่เราจะยุ่งเรื่องทีมกล้อง บ้าคลั่งซื้ออุปกรณ์เต็มออฟฟิศเลย"

มองอนาคตธุรกิจที่เราทำยังไง
อนันดา : "ตอนนี้เป็นเวลาเอาจริงแล้ว พวกคุณ (บริษัท) ต้องรวยกว่าผมแล้ว พวกคุณต้องแซงผมแล้ว แซงผมเสร็จ ผมก็จะรีไทร์ จริงๆ คือผมตั้งเป้าไว้ว่า รายได้ออฟฟิศต้องแซงรายได้ของผมในปีหน้านี้ ผมคิดไว้ว่า คุณแซงผมได้ แล้วผมจะไปอยู่ประจำให้คุณ ซึ่งเกือบแล้ว ตอนนี้กำลังฮอต มาแรง ก็พยายามกันต่อไปครับ”

ยังมีอีกหลายหลายเรื่องราวของ “บักจ่อย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ที่น่าติดตามชม ในรายการ “ที่นี่หมอชิต” คืนวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมนี้ ทางช่อง 7

ที่มา http://www.manager.co.th/