“ฉอด สายทิพย์” งัดหลักฐานโชว์ โต้เมกเรื่อง “แอร์ คลับฟรายเดย์” หลอกสังคม ยันมีตัวตนจริง เผยไม่รู้เหตุผล “แอร์ คลับฟรายเดย์" นำรูป “แอร์ อภิรติ” มาสวมรอยสร้างแฟนเพจ แถมรับเงินบริจาคจากชายคนหนึ่ง 6 พันบาท เมิน "แอร์ อภิรติ" จ่อฟ้อง ชี้ทำรายการ 10 ปี ไม่เคยมีปัญหา อยากเป็นที่พึ่งพาของคนจิตป่วย ยันไม่ท้อแต่รำคาญโดนตั้งกระทู้ถามไม่เลิก ซัดไม่รู้จริงอย่าด่ามั่ว!

จากกรณีที่กำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคม ว่าสรุปเรื่องราวของ “แอร์ คลับฟรายเดย์” ที่โทรศัพท์เข้ามาระบายความทุกข์ใจ เล่าเรื่องตนเองมีสามีคนเดียวกับแม่ ก่อนท้องและต้องระเห็จออกจากบ้าน อีกทั้งได้สร้างแฟนเพจจนมีคนเข้าไปแสดงความเห็นอกเห็นใจมากมาย แต่ไม่กี่วันต่อมาได้มีบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นแอร์ตัวจริงออกมาโวยว่าครอบครัวตนมีความสุขดี ไม่ได้มีสามีคนเดียวกับแม่ อีกทั้งแฟนเพจแอร์คลับฟรายเดย์ได้นำรูปของตนไปใช้โดยไม่ได้รับการอนุญาตสร้างความเสียหายให้กับตนและครอบครัว ก่อนแอร์ คลับฟรายเดย์จะแจ้นปิดแฟนเพจไปอย่างกะทันหัน จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่าสรุปแล้วเรื่องราวที่แอร์ได้เล่าในรายการจนสะเทือนอารมณ์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวงกันแน่ ไหนจะมีบุคคลที่อ้างตัวเป็นแม่แอร์โทรศัพท์เข้ามาขอโทษลูกสาวในรายการ จนทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็นเหตุบังเอิญเกินไปหรือเปล่า และทางกรีนเวฟได้มีส่วนรู้เห็นถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่

ล่าสุดวันนี้ (18 สิงหาคม 2557) “ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ในฐานะผู้บริหารค่ายเอไทม์ ก็ได้ออกมาเปิดใจเคลียร์ผ่านรายการสน.แสนแสบ ณ สตูดิโอกรีนแชนแนล อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เพลส พร้อมโชว์หลักฐานเป็นข้อความสนทนาโต้ตอบกันระหว่างแอร์ คลับฟรายเดย์ และ “อ้อย นภาพร” ยันแอร์มีตัวตนจริง ส่วนรายการไม่เมกเรื่องดังกล่าวหลอกคนฟัง อีกทั้งยอมรับว่ารำคาญที่มีคนตั้งกระทู้ถึงเรื่องดังกล่าวไม่เลิก ท้าใครอยากรู้ความจริงให้มาถามได้เลย

"สำหรับกรณีของคุณแอร์(คลับฟรายเดย์) ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ว่ามันจริงหรือไม่จริง รายการสร้างเรื่องหรือเปล่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าคุณแอร์มีตัวตนจริง รวมถึงรายการไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องขึ้นมาเพราะในทุกๆ ครั้งที่ออกอากาศมีเรื่องส่งเข้ามาเยอะมาก บางคนถามว่าเรื่องมันดูแรงไปหรือเปล่า เป็นไปไม่ได้หรอก แต่อยากจะบอกว่ามันยังมีเรื่องที่แรงกว่านี้เกิดขึ้นในสังคมไทยเยอะมาก ถ้าถามว่าเรื่องคุณแอร์เป็นประเด็นที่แปลกประหลาดจนเกิดขึ้นไม่ได้เลยเหรอ ตอบเลยว่าไม่ใช่ มันเป็นเพียงเคสต์ที่รุนแรงเคสต์หนึ่งเท่านั้นเอง แล้วต้องชี้แจงว่าเรื่องของคุณแอร์ คุณแอร์ไม่ได้โทร.เข้ามาเล่าเพื่ออยากดังหรืออยากออกอากาศ เพราะเขาส่งเรื่องของเขาเข้ามาทางเฟซบุ๊กของพี่อ้อย(นภาพร) เพื่อปรึกษาว่าจะทำยังไงดี(ยกข้อความสนทนาที่ปริ้นต์ออกมาให้ดู) ซึ่งจะเห็นว่ามีการคุยกันมาตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา แล้วก็มีการสนทนาโต้ตอบกับพี่อ้อยมาเป็นระยะเวลานาน จนพี่อ้อยเห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจ จึงขออนุญาตคุณแอร์ว่าจะเอามาออกอากาศ หลังจากนั้นก็มีกระแสมากมาย จนถึงวันหนึ่งที่เราจะทำซีรีส์ ซึ่งได้ตัดสินใจเรื่องของคุณแอร์ที่แม้มันจะแรงแต่มันมีประโยชน์มาทำ ในตอนแรกคุณแอร์ยังถามเลยว่าจะดีไหมเพราะเขาก็กังวลเพราะฟีดแบ็กตามมาทั้งทางบวกทางลบ ถึงได้บอกว่าคุณแอร์มีตัวตนจริงเพราะเราคุยกันตลอดเวลา”

ยันไม่เห็นด้วยหลัง “แอร์ คลับฟรายเดย์” ขอคำแนะนำเรื่องเปิดแฟนเพจ และไม่รู้เหตุผลที่อีกฝ่ายนำภาพของ “แอร์ อภิรติ” มาสวมรอยแทนรูปตนเอง ส่วนกรีนเวฟกำลังเช็กกฎหมายหลัง “แอร์ อภิรติ” จ่อฟ้อง

“ไม่แน่ใจว่าใครได้ฟังคลิปที่มีออกมาตอนนี้ไหม ในคลิปมีการอ้างชื่อพี่ฉอดกับพี่อ้อยต่างๆ นานา ซึ่งตรงนี้อธิบายก่อนว่าทุกคนที่เราได้นำเรื่องมาออกอากาศจนถึงตอนนี้ก็ยังมีการติดต่อพูดกันตลอด เช่นเดียวกันที่วันหนึ่งคุณแอร์มาปรึกษาพี่อ้อยว่าอยากเปิดเฟซบุ๊กของตัวเอง ซึ่งพี่อ้อยยังบอกไปว่าจะดีเหรอเพราะไหนบอกว่าอยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากยุ่งกับใคร รวมถึงกลัวว่าคุณแม่จะตามมาเจอ คุณแอร์ก็บอกว่าเขาได้รับกระแสคนที่เข้ามาให้กำลังใจเยอะมาก เขาเลยอยากได้สัมผัสกำลังใจนั้นด้วยตัวเขาเอง พี่อ้อยก็ยังเตือนว่าอันนี้แล้วแต่น้องนะคะเพราะกระแสที่เข้ามามีทั้งบวกและลบ ถ้าน้องไม่แข็งแรงพอพี่อ้อยไม่เห็นด้วยนะที่จะเปิดเฟซบุ๊ก คุณแอร์ก็บอกว่าอ๋อเหรอคะถ้าอย่างนั้นไม่เปิดดีกว่า ไปปิดดีกว่า นั่นแหละคือสิ่งที่เรารู้ ขั้นตอนของเราคือทำได้แค่นั้น คุยได้แค่นั้น เพราะฉะนั้นหลังจากนั้นการที่มีคนออกมาแล้วบอกว่าน้องไปเอารูปของคนที่ชื่อ “แอร์ อภิรติ” มาเป็นหน้าเพจของตัวเอง จนเป็นที่มาของประเด็นที่ว่าคุณแอร์มีตัวตนจริงหรือเปล่า”

“ถ้าส่วนตัวพี่ให้พี่เดาก็พยายามจะจิ๊กซอว์ต่อเรื่องว่าคุณแอร์คงไม่อยากเอาหน้าตัวเองออกไป เลยไปคว้าเอารูปของใครมา แต่ว่าอันนี้คือพี่เดาเอานะคะ ไม่ได้ยืนยันว่าคุณแอร์ทำแบบนั้นด้วยเหตุผลนี้ไหม แค่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว เพราะที่ผ่านมาพี่ฉอดพี่อ้อยก็โดนเอารูปไปใช้เป็นเพจปลอมมาตลอด แล้วพอคุณแอร์ที่เป็นเจ้าของรูปได้คุยกับคุณแอร์ตัวจริง อันนี้เป็นเรื่องที่อยู่เหนือดารควบคุมของเราแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากที่คุยกันเรื่องเป็นยังไงต่อไป แต่เห็นว่าคุณแอร์ที่เป็นเจ้าของรูปเตรียมจะเรียกร้องให้รายการรับผิดชอบไม่อย่างนั้นจะฟ้อง ซึ่งเราก็ไปเช็กทางกฎหมายก็ทราบว่าจริงๆ การเปิดเฟซบุ๊กใดๆ เป็นเรื่องส่วนตัว ฉะนั้นเราคงไม่สามารถตามไปรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้นได้เพราะมันคนละเรื่องกันกับสิ่งที่เรานำมาออกอากาศในรายการ”

เผยแอร์รับเงินจากผู้ชายคนหนึ่งจริง เป็นจำนวนเงิน 6 พันบาท แต่อีกฝ่ายยินดีใช้คืนหลังได้ทำงานแล้ว

“สิ่งที่เกิดขึ้นที่พวกเรารู้คือหลังจากที่เรื่องคุณแอร์ออกอากาศไปแล้ว มีคนเยอะมากอยากมาขอที่อยู่หรือขอเบอร์โทร. แต่โดยมารยาทแล้วทางรายการไม่เคยให้เบอร์ใดๆ กับใคร รวมถึงผู้ชายคนนี้ด้วย แต่หลังจากนั้นเราไม่ทราบว่าโดยวิธีไหนผู้ชายคนนี้ถึงได้ไปคุยกับคุณแอร์ได้ แต่เรามารู้เรื่องหลังจากนั้นคือคุณแอร์มาคุยกับพี่อ้อยว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่มีโอกาสได้คุยด้วย เขาดีมากเลย แล้วตอนนี้หนูมีปัญหาเรื่องเงิน เขาก็โอนเงินมาให้ 6 พันบาท ซึ่งพี่อ้อยก็ดุไปตามภาษาผู้ใหญ่อย่าไปทำแบบนี้ จะไปเอาเงินของเขามาง่ายๆ ได้ยังไงถ้าเขาไม่หวังอะไรจากตัวหนู ไม่ควรไปรับเงินจากใครนะ คุณแอร์ก็บอกว่าอ๋อเหรอคะ โอเคค่ะงั้นถ้าหนูทำงานได้หนูจะเอาเงินไปใช้เขา นี่คือสิ่งที่เรารับรู้”

ยันเจตนาบริสุทธิ์คลับฟรายเดย์ ทำงาน 10 ปีไม่เคยมีเรื่องฉาว ท้านักสืบโซเชียล อยากรู้ความจริงให้มาหาตนได้เลย

"พี่ฉอดจะได้คุยอะไรกับใครน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพี่อ้อยกับทางทีมงาน ในขั้นแรกที่คุยกันเหมือนน้องปฎิเสธว่าน้องไม่ได้ทำ ไม่ได้เปิดหน้าเฟซบุ๊ก ไม่ได้เอาหน้าใครมา แต่ล่าสุดเหมือนน้องเขาก็โพสต์ข้อความยอมรับว่าทำจริงๆ แล้วเขาก็ขอโทษ พี่เดาเอาเองว่ามันน่าจะเป็นความรู้สึกประมาณหนึ่งน้องเขาถึงทำแบบนี้ ในที่สุดแล้วพี่อยากจะบอกว่าในบรรดาปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ พี่อยากจะยืนยันในเจตนาอันบริสุทธิ์ของคลับฟรายเดย์ก่อนเลยเพราะเราทำงานตรงนี้มา 10 ปีเราไม่เคยมีกรณีอะไรแบบนี้มาก่อนเลย หลังจากที่มันเกิดเรื่องเราก็เข้ามาเช็คกัน ไปสรุป ประเมินผลกันดู ซึ่งเราทำแบบนี้กันมาตลอดอยู่แล้ว เรื่องราวที่เรานำเสนอมีคนจำนวนเยอะมากที่ได้ประโยชน์กับเรื่องราวที่ออกอากาศไป หลายคนบอกว่าคิดจะทำไม่ดี พอดูแล้วก็รู้ว่าถ้าทำไม่ดี มันก็จะได้ไม่ดี บางคนรู้สึกว่าชีวิตจะไม่รอดพอได้ดูแล้วเขาก็สบายใจขึ้น”

“เรายืนยันเจตนารมณ์ในการทำรายการของเราทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา ผลที่เราได้รับกลับมามันยังทำให้เรารู้สึกดี ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหามันก็เป็นปัญหาที่บุคคล ไม่ได้เป็นปัญหาที่รายการ หรือเป็นปัญหาที่ความตั้งใจของรายการ ว่ารายการจะต้องเมกหรือสร้างเรื่องต่างๆ ณ วันนี้ฟีดแบ็กที่เข้ามาที่พี่ คนที่เป็นแฟน คนที่รู้จักคลับฟรายเดย์ ไม่มีใครถามเรื่องนี้สักคน ไม่มีใครตั้งประเด็นว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงทุกคนรู้ว่าเป็นยังไง แต่คนที่พูดกันอยู่ตอนนี้เป็นคนที่ไม่รู้จักคลับฟรายเดย์ เป็นคนประเภทอยู่ในโซเชียลที่เข้ามาด่าๆๆๆๆแล้วก็ไป นึกจะพูดอะไรก็ได้ ตอนนี่เราโดนกระแสจากตรงนี้อยู่ มีนักสืบนั่นนี่เต็มไปหมด พี่เลยอยากจะบอกว่าไม่ต้องไปสืบที่ไหน คำว่าสืบที่ว่าคือไปจับเอาตรงโน้นตรงนี้มาก็มาผูกเป็นเรื่องคิดกันไป เราอ่านแล้วเราก็ขำกัน มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย ตั้งประเด็นกันเอาเองหมด”

“อยากจะบอกว่าใครอยากสืบเรื่องคลับฟรายเดย์จริงๆ ไม่ต้องไปสืบที่ไหน พี่เชิญเลยนะคะ มานั่งจัดรายการกับพี่ทุกวันศุกร์ มานั่ง 1-2 อาทิตย์เดี๋ยวก็รู้ว่าเราทำงานกันยังไง มีเคสต์ยังไงที่เข้ามา มีรุนแรงกว่านี้ขนาดไหนที่เข้ามา ไม่ต้องไปสืบที่ไหนนะคะ มาสืบกับพวกพี่นี่แหละ เราเปิดกว้างให้มาสืบเต็มที่ อีกประเด็นหนึ่งน้องแอร์ที่เป็นเจ้าของรูปก็ดี หรือใครก็ตามที่มีผลพวงจากเรื่องนี้พี่คงไม่สามารถไปรับผิดชอบได้ในเชิงของกฏหมาย เราไม่เกี่ยว เราไม่สามารถทำตรงนั้นได้ แต่เราไม่ได้จะปัดความรับผิดชอบ เรายินดีช่วยเหลือถ้าน้องมีอะไรให้พี่ช่วย พี่ไม่รู้ว่าพอมีการเปิดเพจมาแล้ว มีหน้าน้องแล้วน้องเดือดร้อน น้องอยากให้พี่ช่วยอะไร อยากให้พี่ออกอากาศในรายการให้ อยากจะให้ประกาศว่าน้องคนนี้ไม่เกี่ยวหรืออะไรก็ตามแต่ พี่ยินดีช่วยเต็มที่ แต่ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวจะมาฟ้องพี่ จะมาเรียกค่าเสียหายอะไรเพราะพี่ไม่เกี่ยว พี่ไม่ได้รู้เห็นในการเปิดเพจเหล่านั้น แต่พี่ยินดีให้ความช่วยเหลือ”

ชี้สังคมมีแต่คนจิตช่วย อยากเป็นแค่รายการเล็กๆ ที่ช่วยเยียวยาดูแลจิตใจคนในสังคม สร้างประโยชน์ให้คนอื่นบ้าง

สุดท้ายอีกเรื่องที่อยากพูด อัดอั้นมามาก จะบอกว่าในแง่ของความตั้งใจดีของพวกเราที่ทำคลับฟรายเดย์ เรารู้สึกว่าวันนี้สังคมของเราป่วยเยอะ เรามีคนป่วยจิตเยอะมากมายที่มองภายนอกเหมือนคนทั่วไป คนป่วยจิตที่ออกมาทำร้ายคนอื่น ถ้าเป็นคนวิกลจริต หรือคนบ้าเราจะรู้ แต่มันเป็นคนที่เราเห็นๆกันอยู่ทั่วไปแบบนี้ ด้วยความที่มีจิตใจป่วย ก็อาจจะทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว คนที่อยู่รอบข้างก็ไม่รู้ว่าคนนี้ป่วยจิต มันมีคนแบบนี้อยู่มากในสังคมตอนนี้ ถ้าคลับฟรายเดย์จะเป็นรายการเล็กๆ สักรายการหนึ่งที่ตั้งใจเปิดโอกาสให้คนที่มีความทุกข์ มีปัญหา ที่เขาอยากได้คนที่คอยรับฟัง ช่วยแนะนำ ต้องการที่พึ่ง ได้มาพูดมาคุย แสดงเรื่องราวของเขาเพื่อที่จะให้พวกเราได้เป็นผู้รับฟัง หรือพี่ฉอดพี่อ้อยอาจจะมีส่วนเสนอแนะ เราสองคนคงไม่ได้เก่งที่จะไปตอบได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องไหนที่เราสามารถให้กำลังใจหรือชี้แนะ เราก็ยินดี คนที่ได้ออกอากาศในรายการมีไม่กี่คน แต่คนฟังมีมากมายมหาศาล แม้ว่ารายการเราอาจจะช่วยดูแลจิตใจของคนในสังคมนี้ให้ดีได้บ้างนั่นคือวัตถุประสงค์หลักของรายการเราที่ทำกันอยู่”

“มันไม่ใช่เราทำเพราะความอยากจะดัง ต้องเสนอประเด็นรุนแรง อยากจะประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจอะไรทั้งสิ้น ส่วนตัวพี่ฉอดทุกวันนี้คงไม่ต้องมานั่งหาความดังกับการจัดรายการวิทยุอีกแล้ว พี่มีหน้าที่ใหญ่ๆ อีกเยอะมาก ทุกวันศุกร์ทำไมพี่ถึงทิ้งทุกอย่างเพื่อมาจัดรายการ เพราะพี่รู้สึกว่าการทำรายการคลับฟรายเดย์มันได้ทำประโยชน์ให้คนอื่น พี่มีความสุขทุกครั้งที่จัดรายการคลับฟรายเดย์ พี่เลยอยากจะบอกกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคลับฟรายเดย์ แล้วมาแสดงความคิดเห็นด่าทอต่างๆนานาบอกรายการนี่มันงี่เง่า มันดราม่า สักแต่ว่ามาโกหกกันแล้วก็มาร้องไห้ ถ้าเรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับชีวิตใคร คงจะไม่รู้ อย่าประมาทนะคะ วันนึงถ้ามันเกิดกับคุณบ้างเราจะรู้ว่าบางทีเราก็ต้องการที่พึ่ง อยากได้คนรับฟัง อยากได้คนแนะนำ อย่าประมาทว่าฉันไม่เจอหรอก รายการงี่เง่า ดราม่า”

“ในวันที่คุณแอร์โทร.มารายการคลับฟรายเดย์เขาร้องไห้หลายคนคงได้ฟัง จะดราม่าหรือดราม่าไม่รู้ พี่ฉอดกับพี่อ้อยรู้เพียงว่าเขามีความทุกข์และต้องการที่พึ่ง จะให้พี่ฉอดพี่อ้อยมาบอกว่าจริงหรือเปล่าค่ะ มันไม่ใช่หน้าที่หรือเรื่องของพวกเรา เราเพียงดูแลจิตใจของเขาและหวังว่าคนที่ฟังอยู่ได้รับประโยชน์ไปด้วย แค่นั้นเอง อยากขอให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งทึ่เราทำด้วยก่อนจะวิพากวิจารณ์อะไรกันไป พี่เป็นคนเข้าไปอ่านเหมือนกันปกติไม่ค่อยได้อ่านอะไรพวกนี้ พี่ว่าสังคมตอนนี้ถ้าคนทำดี ถ้าโดนคนว่าแบบนี้ อีกหน่อยคนจะไม่อยากทำความดีกัน”

ยันคลับฟรายเดย์ต้องเดินต่อไป บอกตนก็เหมือนหมอที่พร้อมช่วยคนไข้ป่วยจิต

“เดินหน้า เราไม่หยุดแค่เพียงเรื่องนี้หรอก ยังไงก็แล้วแต่ จะ10 ปีแล้ว เราได้ทำประโยชน์ ทุกวันนี้กระแสต่างๆ ที่ออกมา มันมีแต่สิ่งดีๆ ที่เราได้แลกกัน วันนี้พี่ฉอดกับพี่อ้อยเดินไปไหนมาไหนก็มีคนมองเห็นว่าเราช่วยเขาได้ ซึ่งพี่มีความสุขกับการทำงานนี้ คือเราทำงานเต็มที่จริงๆ แต่เราคงไม่สามารถไปตรวจสอบจับเช็กอะไรขนาดนั้นได้”

“ณ ตอนนี้พี่สั่งให้หยุดการคุยกันผ่านโซเชียลหรือผ่านมือถือ ต่อจากนี้ขอคุยกันตัวเป็นๆ ถ้าน้องแอร์ตัวจริงๆ อยากมาก็มาเจอกับเราได้เลย ถ้าน้องแอร์ที่เป็นเจ้าของรูปอยากให้เราช่วยอะไร เราจะช่วยในสิ่งเราช่วยได้ เพราะตอนนี้พี่ยังไม่ได้เจอใคร ตอนนี้พี่มองคนละมุมกับคนที่ไม่รู้เรื่องแล้วมองมั้ง น้องแอร์ก็เป็นเคสต์หนึ่งที่ไม่ได้ประหลาด มันเป็นเคสต์หนึ่งที่รุนแรงไหมรุนแรง แต่มีเคสต์ที่รุนแรงกว่านี้อีกเยอะ พี่ฉอดกับพี่อ้อยเหมือนเป็นหมอ มีคนไข้เยอะมาก เราคนป่วยมากมาย เรายินดีช่วยอยู่แล้ว”

“พี่เดาว่าตอนนี้แอร์คงแย่ อันนี้ไม่แน่ใจ มีคนบอกว่าน้องแย่อยู่ น้องคิดมาก อันนี้พี่ยังไม่ได้คุยกับเขาต่อ อย่าหาว่าพี่เข้าข้างหรืออะไรนะ เพราะมีคนว่าทำไมพี่ปกป้องคนผิด คือเรื่องผิดก็ต้องไปว่ากันตามผิด ถ้าน้องเขาผิดก็ต้องว่าไปตามนั้น แต่พี่ว่าน้องก็เป็นคนจิตใจไม่มั่นคงคนหนึ่งคือก็ต้องเห็นใจเขา มันก็หนักหนาสำหรับเขาเหมือนกัน”

ยันไม่ได้สร้างเรื่องเมกเพราะแอร์มีตัวตนจริงๆ เผยหากเมกเรื่องจริงคงอยู่กันลำบาก

“ส่วนเรื่องคุณแม่โทร.มาในรายการ คือทุกอย่างรายการออกอากาศไปเรียบร้อย วันหนึ่งมีโทรศัพท์เข้ามาบอกเป็นคุณแม่ของคุณแอร์แล้วขอเบอร์คุณแอร์ คุณแม่บอกว่าตั้งแต่น้องออกไปจากบ้านก็ยังไม่กลับมาเลย คุณแม่เป็นห่วงและอยากเจอเลยโทร.มาขอเบอร์โทรศัพท์ ทางทีมงานไม่สามารถให้ได้มันเป็นมารยาท คุณแม่ได้คุยกับพี่อ้อยและหลายๆ คน เราเลยสรุปว่าเราไม่สามารถให้ที่อยู่ติดต่อของน้องแอร์ได้ แต่ถ้าคุณแม่อยากคุยกับน้องแอร์คุยผ่านรายการแล้วกัน เพราะน้องแอร์ฟังอยู่ วันนั้นเลยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คุณแม่ไม่อยากโทร.มาเพื่อออกรายการ แต่เราหาทางออกให้ ถ้าคุณแม่อยากไปเจอกับลูกก็ไปเจอกันเอง อันนี้มันเป็นตอนจบ ที่ทุกคนตีความไปใหญ่โตหาว่าเราเมกเรื่องกันมา ก็ไม่รู้จะเมกทำไม หรือถ้าน้องแอร์ไม่มีตัวตนจริงๆ แล้วต้องไปเมกคุณแม่คงลำบากอยู่ ถามว่าเรารู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นแม่จริงๆ เรามีการตรวจสอบ เพราะคุณแม่บอกว่าให้บอกกับน้องแอร์ว่ายังใช้เบอร์โทรศัพท์เบอร์เดิม เราไปถามคุณแอร์ว่าคุณแม่เบอร์อะไร เรามีการเช็ก ไม่ต้องรอให้ใครสงสัย พวกเราสงสัยก่อนอยู่แล้ว มีคนก็โยงไปอีกว่ามาวันแม่พอดีเลย คือเรื่องเราเพิ่งออกอากาศไป แม่ได้ดูหลังจากออกอากาศ คือคนจะจับผิดก็จับผิดไปซะทุกอย่าง คุณแม่เขาอยากแสดงความสำนึกผิดกับลูกและอยากให้ลูกกลับมาเราแค่อยากเป็นสื่อกลางเท่านั้นเอง"

หลังเหตุการณ์นี้พี่อ้อยจิตตก แต่พี่ไม่ได้ท้อ แต่ออกแนวรำคาญมากกว่ากับคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรแต่มาแสดงความคิดเห็นต่างๆ คนที่มาแสดงความคิดเห็นต่างๆ ไม่รู้จักคลับฟรายเดย์ด้วยซ้ำ ว่าเราทำงานยังไง แล้วก็มาสืบได้ มาสืบกับตัวพี่เลย พี่อยู่ในที่สว่าง ไม่แอบอย่างบางคนไม่รู้เป็นใครแล้วมาโพสต์"

http://www.manager.co.th