เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดยคุณ CiNNtv1

แม้จะเป็นเพียงแค่แมลงตัวเล็ก ๆ แต่แมลงที่มีชื่อว่า แมลงก้นกระดก กลับมีพิษร้ายแรงต่อผู้ที่สัมผัสมากขนาดทำให้เกิดแผลพุพอง และกลายเป็นแผลเปื่อยภายในไม่กี่วัน ซึ่งรายการตีสิบ มีเรื่องราวของเจ้าแมลงตัวนี้ และผู้ที่เคยเผชิญกับพิษร้ายของมัน มาฝากกันค่ะ

โดยรายการตีสิบ (ออกอากาศเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม) ในช่วงสนทนา มีแขกรับเชิญเป็นผู้ที่เคยสัมผัสกับพิษร้ายของเจ้าแมลงชนิดหนึ่ง ซึ่งมีขนาดเล็ก แต่กลับมีพิษมหาศาล เพียงแค่สัมผัสถูกพิษที่ออกจากร่างกายของแมลงชนิดนี้ ก็สามารถทำให้เกิดแผลพุพองขนาดใหญ่ได้ ซึ่งเจ้าแมลงชนิดนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ด้วงก้นกระดก หรือ แมลงก้นกระดก นั่นเอง

ซึ่งแขกรับเชิญท่านแรกที่มาเล่าถึงประสบการณ์การถูกพิษของแมลงก้นกระดก คือ คุณชมพูนุช ประพัทธาคินี อาชีพแอร์โฮสเตส ที่เล่าว่า บ้านของเธอซึ่งอยู่ติดทุ่งนามีแมลงชนิดนี้อยู่จำนวนมาก แล้ววันหนึ่งขณะเธอก็เผลอไปบี้เจ้าแมลงชนิดนี้เข้า จากนั้นก็นำมือขึ้นสัมผัสกับใบหน้า โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าพิษร้ายของเจ้าแมลงก้นกระดกนั้น จะทำร้ายใบหน้าของเธอ

วันแรกผ่านไปยังคงเป็นปกติ แต่พอเข้าวันที่สอง คุณชมพูนุชต้องบินไปฮ่องกง พิษร้ายแรงของแมลงก้นกระดกก็ปรากฎชัดขึ้น ทำเอาแก้มข้างซ้าย จมูก ปาก เปลือกตา และหน้าผากของเธอที่สัมผัสกับพิษของเจ้าแมลงดังกล่าว เป็นรอยแดง พุพอง จนผู้โดยสารคิดว่าเธอไปตบตีกับใครมา อีกทั้งยังมีอาการตึง และแสบที่แผลอีกด้วย

สุดท้ายเธอกลับมาเมืองไทย และไปพบแพทย์จึงรู้ว่าสาเหตุของแผลพุพองทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากเจ้าแมลงร้ายที่ชื่อว่า แมลงก้นกระดก ส่วนที่พิษของเจ้าแมลงก้นกระดกทำปฏิกิริยากับใบหน้า แต่ไม่ทำปฏิกิริยาร้ายแรงกับมือของเธอนั้น คาดเดาว่าเป็นเพราะผิวหน้าค่อนข้างบอบบางกว่ามือนั่นเอง ซึ่งคุณชมพูนุชก็ได้ช่วยจับแมลงชนิดนี้มาจากบ้านของเธอ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ชมอีกด้วย โดยแมลงก้นกระดกที่ถูกจับมานั้นมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร เท่านั้นเอง

นอกจากนี้ ทางรายการตีสิบ ยังได้เชิญ คุณศิริณี พูนไชยศรี ที่ปรึกษากรมวิชาการเกษตร ด้านนิเวศวิทยาแมลง มาให้ความรู้ในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งอาจารย์ศิริณี ก็กล่าวว่า แมลงก้นกระดก มีชื่อเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า แมลงเฟรชชี่ เนื่องจากมักจะพบได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่มักมีกิจกรรมรับน้องกันอยู่ ทำให้มีน้องใหม่โดนพิษของเจ้าแมลงชนิดนี้กันอยู่เป็นประจำ พิษของเจ้าแมลงก้นกระดกมีฤทธิ์ค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งธรรมชาติของเจ้าแมลงชนิดนี้จะมีน้ำที่เป็นพิษอยู่ในตัว และยังซึมอยู่รอบ ๆ ตัวตลอดเวลาด้วย ดังนั้นการรับพิษจากเจ้าแมลงตัวดังกล่าว จึงสามารถเกิดปฏิกิริยาได้ แม้จะเพียงแค่สัมผัส

ทั้งนี้ อาจารย์ศิริณี ยังเล่าว่า ตนเองก็เพิ่งโดนพิษของเจ้าแมลงดังกล่าวที่คอไปเมื่อเดือนเมษายน เวลาผ่านไป 2 วัน ถึงเกิดแผลพุพองและปวดแสบปวดร้อน โดยต้องคอยระวังไม่ให้แผลที่พองแตกออก เนื่องจากอาจทำให้ลุกลาม และติดเชื้อได้ โดยเฉพาะระวังอย่าให้เข้าตา เนื่องจากเยื่อบุตามีความบอบบางมาก หากนำมือที่มีพิษไปขยี้ตา อาจส่งผลรุนแรงได้ สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อรู้ตัวว่าสัมผัสกับพิษของแมลงก้นกระดก คือการรีบล้างน้ำสบู่ทันที เพื่อให้พิษเจือจาง แต่คนส่วนใหญ่เมื่อโดนพิษแล้วมักจะไม่ค่อยรู้ตัวจนกระทั่งแสดงอาการ จึงทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษ

ส่วนข้อดีของเจ้าแมลงก้นกระดกก็มีอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นแมลงที่คอยกินแมลงศัตรูข้าว เช่น เพลี้ยกระโดด เพลี้ยสีน้ำตาล เป็นต้น วิธีป้องกันเจ้าแมลงก้นกระดก โดยเฉพาะท่านที่มีแมลงก้นกระดกอยู่ใกล้บ้าน แนะนำให้ลองเอาผ้าขาวขึงไว้ แล้วใช้ไฟส่อง โดยเฉพาะไฟแบล็คไลท์ ฝูงแมลงก้นกระดกจะแห่กันมาเล่นแสงไฟ และรวมตัวกันอยู่บริเวณนั้น ซึ่งสามารถฉีดยาฆ่าแมลงได้ แต่การใช้ยาฆ่าแมลงต้องฉีดให้โดนตัว เพราะแมลงก้นกระดกมีเปลือกแข็งกว่าแมลงสาบ ทำให้ค่อนข้างทนต่อพิษจากยาฆ่าแมลงได้มากกว่า

นอกจากนี้ ในรายการตีสิบ ยังมีการพูดคุยถึงเรื่องราวของแมลงมีพิษชนิดอื่น ๆ เช่น แมลงตด ต่อหัวเสือ แมลงวันสเปน เป็นต้น โดยเตือนให้ระวังพิษจากแมลงดังกล่าว เพราะมีฤทธิ์ร้ายแรงอาจทำให้ถึงตายได้เลยทีเดียว

เห็นความร้ายแรงของพิษจากเจ้าแมลงก้นกระดกกันแล้ว ก็อย่าลืมระมัดระวัง และ หมั่นสังเกตให้ดี โดยเฉพาะท่านที่มีบ้านอยู่ใกล้แหล่งความชื้น เพราะอากาศชื้นคือสถานที่โปรดของเจ้าแมลงชนิดนี้เลยล่ะ ส่วนใครที่ได้รับพิษแล้วอย่าลืมรีบล้างน้ำสบู่ แล้วไปพบแพทย์ทันทีเลยนะคะ

คลิป รายการตีสิบ แมลงน้ำกรด แค่สัมผัสก็เฟะ 1/4

คลิป รายการตีสิบ แมลงน้ำกรด แค่สัมผัสก็เฟะ 2/4

คลิป รายการตีสิบ แมลงน้ำกรด แค่สัมผัสก็เฟะ 3/4

คลิป รายการตีสิบ แมลงน้ำกรด แค่สัมผัสก็เฟะ 4/4