กรมวิทย์ตรวจอาหารเจ พบสารปนเปื้อนยาฆ่าแมลงในผักคะน้า 13% พบวัตถุกันเสียเกินค่ามาตรฐานในหัวไช้โป้ว กาน่าช่ายทุกตัวอย่าง อึ้ง! เจอ DNA เนื้อสัตว์ในอาหารเจ แนะประชาชนล้างน้ำหรือผ่านความร้อนก่อนประกอบอาหาร ช่วยลดปริมาณการตกค้างได้

        นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการออกสุ่มเก็บตัวอย่างอาหารเจจาก ตลาดเยาวราช ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รวมทั้งสิ้น 75 ตัวอย่าง โดยผักสดเก็บตัวอย่าง 4 ชนิด ได้แก่ กะหล่ำปลี 4 ตัวอย่าง คะน้า 10 ตัวอย่าง แครอท 7 ตัวอย่าง และผักกาดขาว 10 ตัวอย่าง รวม 31 ตัวอย่าง ช่วง ส.ค. - ก.ย. ตรวจโดยวิธีทางห้องปฏิบัติการพบ สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในคะน้า 4 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 13 โดยพบสาร คลอร์ไพริฟอส (Chlorpyrifos) ไซเพอร์เมทริน (cypermethrin) และ โปรฟีโนฟอส (Profenofos) อยู่ในช่วงน้อยกว่า 0.05 - 0.64 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
       
       นพ.อภิชัย กล่าวว่า ส่วนอาหารหมักดอง ได้แก่ ผักกาดดอง เกี่ยมฉ่าย กานาช่าย หัวไชโป้ว ตรวจวิเคราะห์วัตถุกันเสียและสารห้ามใช้ โดยวิธีทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 21 ตัวอย่าง ตรวจไม่พบสารกันรา (กรดซาลิซิลิค) และผงกรอบ (สารบอแรกซ์) ทุกตัวอย่าง แต่ตรวจพบวัตถุกันเสีย (กรดเบนโซอิด) เกินค่ามาตรฐาน จำนวน 17 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 81 โดยพบใน ผักกาดดอง/เกี่ยมฉ่าย ร้อยละ 43 หัวไช้โป้ว ร้อยละ 100 กานาช่าย ร้อยละ 100 ปริมาณที่พบอยู่ในช่วง 1,022-6,279 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ส่วนอาหารเจทั่วไปที่ทำมาจากแป้งสาลี่ หรือบุก ได้แก่ หมี่กึ่งสำเร็จรูปจำนวนทั้งหมด 10 ตัวอย่าง ตรวจไม่พบผงกรอบทุกตัวอย่าง นอกจากนี้ ได้ตรวจหา DNA เนื้อสัตว์จำเพาะ ได้แก่ เต้าหู้ปลาเจ ไส้กรอกไก่เจ ทอดมันเจ ก้ามปูเจ ลูกชิ้นเจ ปลาเค็มเจ จำนวน 13 ตัวอย่าง ตรวจพบ DNA เนื้อสัตว์ จำนวน 7 ตัวอย่างในอาหารเจทุกประเภทที่ไม่มีฉลากคิดเป็นร้อยละ 54
       
       “ผักสดที่นำมาตรวจไม่ได้ผ่านการล้างทำความสะอาดก่อนตรวจวิเคราะห์ สารเคมีที่ตรวจพบทั้ง 3 ชนิดเป็นสารที่ไม่ดูดซึมในพืช ละลายน้ำได้ดี ดังนั้น การนำไปประกอบอาหาร ควรล้างทำความสะอาดเพื่อลดปริมาณการปนเปื้อน ส่วนกรดเบนโซอิดและกรดซอร์บิคเป็นวัตถุกันเสียที่มีความเป็นพิษต่ำ ละลายได้ในน้ำและถูกทำลายได้ด้วยความร้อน แต่ถ้าได้รับในปริมาณที่สูงมากอาจทำให้เกิดอันตรายได้ สำหรับผู้ที่แพ้สารนี้แม้ได้รับปริมาณน้อยก็อาจจะแสดงอาการได้ เช่น ผื่นคัน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ไม่ควรบริโภคครั้งละมากๆ และควรล้างน้ำหรือผ่านความร้อนก่อนนำไปประกอบอาหารจะช่วยลดปริมาณการตกค้างได้” อธิบดีกรมวิทย์ กล่าว
       
       นพ.อภิชัย กล่าวว่า อาหารเจที่เลียนแบบเนื้อสัตว์ ควรเลือกซื้ออาหารชนิดที่มีฉลากระบุ สถานที่ผลิต วันเดือนปี และเลขทะเบียนสารบบอาหาร ที่ชัดเจน และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีการแปรรูปและรสชาติที่เหมือนเนื้อสัตว์มากจนเกินไป เพราะอาหารเจที่ไม่มีฉลากทำให้ไม่ได้มีการตรวจสอบแหล่งผลิตว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะบางครั้งอาจใช้สายการผลิตเดิมที่ใช้ในการผลิตอาหารจากเนื้อสัตว์ไม่ได้มีการทำความสะอาดที่ดีพอก็จะทำให้พบการปะปนของเนื้อสัตว์ในอาหารเจได้

ที่มา  http://www.manager.co.th/