Mojin The Lost Legend เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากซีรีย์ออนไลน์ของจางมู่เหยี่ย หลังจากที่ตีพิมพ์เป็นรูปเล่มแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วแถมยังสามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายในประเทศจีน ยังไม่รวมไปถึงการแปลเป็นภาษาต่างๆอีกหลายประเทศ ส่วนในไทยเรามีชื่อหนังสือว่า “คนขุดสุสาน” โดยสำนักพิมพ์ สยามอินเตอร์บุ๊คส์ 

สำหรับ Mojin The Lost Legend จะยึดโครงเรื่องของหนังสือชุด Ghost Blows Out the Light บอกเล่าเหตุการณ์ของสองเพื่อนซี้นักขุดสมบัติอย่างฮูปายี (เฉิน คุน) และหวังไข่เฉวียน (หวง เป่า) ที่ระหว่างเป็นนักศึกษาอยู่นั้นพวกเขาอยู่ในกองกำลังในการทำตามนโยบายของเหมา เจ๋อ ตุงในการทำลายสุสานโบราณตามสถานที่ต่างๆ โดยเวอร์ชั่นหนังนั้นเล่าตัดสลับระหว่าง 2 ช่วงเวลาคืออดีตและปี 1980 ซึ่งฮูปายีได้ใช้ชีวิตเร่ร่อนขายของเก่าอยู่ในนิวยอร์ค 

ชีวิตในต่างแดนของฮูปายีและหวังไข่เฉวียนไม่ค่อยสบายนัก ทั้งคู่เก็บของเก่ามาขายและต้องคอยหลบหนีตำรวจอยู่บ่อยๆ ทั้งคู่ได้พบปะกับและเชอร์รี่ หยาง (ซูฉี) เป็นครั้งคราว จนกระทั่งวันหนึ่งหวังไข่เฉวียนได้รับข้อเสนอสำคัญจากมหาเศรษฐีนีในการกลับไปขุดสุสานเพื่อค้นหาดอกไม้แห่งจันทราที่เชื่อกันว่าจะนำความอมตะมาให้แก่ผู้ใช้ ฮูปายีไม่เห็นด้วยทำให้หวังไข่เฉวียนต้องออกโรงคนเดียว

แต่แล้วในที่สุดเมื่อหวังไข่เฉวียนออกไปล่าสมบัติจริงๆด้วยความเป็นห่วงของฮูปายีและเชอร์รี่ ทั้งสองจึงตามไปช่วยเหลือเพื่อ และกลับมาแทคทีมอีกครั้งในชื่อ “โมจิน” กลุ่มคนที่ขุดสมบัติตามสุสานนั่นเอง 

ความสนุกของ Mojin The Lost Legend ประการสำคัญเลยคือหนังมีฉากแอ็คชั่น ผจญภัยที่ตื่นตาตื่นใจมาก ฉากซีจีภายในถ้ำโบราณนั้นเรียกได้ว่าอลังการ (เวอร์ชั่นที่เข้าฉายในต่างประเทศฉายแบบจอไอแมกซ์ ส่วนในบ้านเรารอบฉายยังเรียกได้ว่าหายาก โรงที่ได้ก็เล็กกระจิดริ้ด แถมฉายแต่พากย์ไทยอีกต่างหาก!!!) หลายครั้งที่เรารู้สึกลุ้นว่าบรรดาทีมสำรวจสุสานชุดนี้ใครจะหลบหนีกับดักกันอย่างไร และจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์คับขันกันอย่างไรบ้าง

ทว่าข้อเสียประการโตที่ต้องดอกจันทน์ใหญ่ๆเลยก็คือว่า บทหนังเขียนบทมาให้ตัวละครมีความเป็น “การ์ตูน” สูงมาก พวกเขาดูปราศจากเลือดเนื้ออย่างสิ้นเชิง บ่อยครั้งที่พวกเขาก็ดูเก่งฉลาดเกินคนเกินไปหน่อย อีกทั้งการได้ทีมพากย์พันธมิตรมาพากย์หนังก็ยิ่งทำให้เลอะเทอะไปกันใหญ่ (เป็นอีกเรื่องที่รำคาญทีมพากย์ชุดนี้), วิธีการตัดต่อของหนังก็ไม่ค่อยดีบางฉากก็รวบรัดเกินไป และหลายครั้งทีมงานก็พลาดเรื่องความต่อเนื่องอย่างไม่น่าให้อภัยอาทิ ตัวละครตกน้ำเมื่อหนึ่งวิก่อน ฉากต่อเนื่องชุดตัวละครแห้งสนิท ผมยังตั้งหล่อเป็นทรงราวกับ 1 วินาทีก่อนไม่เคยเกิดขึ้นจริง! 

แต่ถ้าหากดูแบบโยนตรรกะทุกอย่างทิ้งให้หมด และมองข้ามหนังด้อย(ซึ่งเยอะเหลือเกิน) หนังก็ดูสนุกไม่เบา โดยเฉพาะฉากผจญภัย แต่ฉากดราม่าพูดมากๆนั้นอาจจะน่ารำคาญหูไปหน่อยก็เท่านั้นเอง 

3 คะแนนจาก 5 คะแนน

@พริตตี้ปลาสลิด 

ที่มา  http://movie.sanook.com/58633/