ตอนนี้มีซีรีส์ญี่ปุ่นน่าสนุกอีกเรื่องหนึ่งมาลงจอโทรทัศน์ไทยแล้วค่ะ คือเรื่อง “Ando Lloyd A.I Know Love” หรือชื่อภาษาไทย “ฮีโรทะลุมิติ” ที่กำลังฉายทางช่อง ThaiPBS ชามะนาวไม่รอช้า เลยมารีวิวซีรีส์เรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านก่อน ที่จะไปรับชมละครกันค่ะ

“Ando Lloyd A.I Know Love” เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร

“Ando Lloyd A.I Know Love” (โอ๊ย ชื่อยาวมาก!) เป็นเรื่องราวความรักระหว่าง “ศาสตรจารย์เรจิ มัตสึชิม่า” ชายหนุ่มยอดอัจฉริยะสุดเพี้ยน (ออกแนวอารมณ์แบบเด็กเนิร์ดๆ) กับ “อันโด้ อาซาฮี” หญิงสาวแสนสวย จิตใจดี มีความเก่งและเฉลียวฉลาด ศาสตราจารย์เรจิตั้งคำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ปกป้องเธอตลอดไป แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์อย่างขึ้น จู่ๆ ก็มีลิสต์รายชื่อคนที่จะต้องถูกฆ่าตายออกมา หนึ่งในนั้นมี “ศาสตราจารย์มัตสึชิม่า เรจิ” และตามต่อด้วย “อันโด้ อาซาฮี” ในรายชื่อนั้นเต็มเป็นด้วยพวกนักวิจัย คนมีชื่อเสียงระดับโลก แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงมีชื่อหญิงสาวคนธรรมดาอย่าง “อันโด้ อาซาฮี”

“ศาสตราจารย์มัตสึชิม่า เรจิ” ค้นพบอะไรบางอย่างในลิสต์รายชื่อนี้ และเขาเองก็รู้ล่วงหน้าแล้วว่าตัวเองต้องตาย จึงเตรียมการอะไรบางอย่างไว้ แต่ผลสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถรอดพ้นจากความตายได้ เมื่ออาซาฮีรู้เรื่องราวเหล่านี้ ก็รู้สึกเสียใจจนไม่อยากจะมีชีวิตต่อ เธอยินดีด้วยซ้ำว่า ถ้าเธอเป็นรายต่อไปที่จะต้องตาย แต่แล้วก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นในตอนที่ควรจะเป็นวินาทีสุดท้ายในชีวิตเธอ เธอพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับ “ศาสตราจารย์มัตสึชิม่า เรจิ” แบบเป๊ะๆ แต่เขากลับบอกว่าเขาไม่ใช่ “ศาสตราจารย์มัตสึชิม่า เรจิ” แต่เป็นใครอีกคนที่มาเพื่อปกป้อง “อันโด้ ฮาซาฮี” ให้รอดพ้นจากอันตราย และเปลี่ยนแปลง “อนาคต”


จุดที่น่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้
1. นำแนวบู๊ แอคชั่นและ Sci-fi มาผสมกับความ Romantic ได้อย่างลงตัว
ดูเหมือนว่า Sci-fi บู๊แอคชั่น กับความ Romantic ไม่น่าจะเข้ากันได้ใช่ไหมคะ แต่เรื่องนี้กลับเอาทั้งสองอย่างมารวมกันได้อย่างลงตัวเลยค่ะ ขอบอกเลยว่าฉาก CG เรื่องนี้มันล้ำแบบสุดๆ ใครอยากเห็นฉาก CG ที่เขาเคยลือกันหนาหูว่า ญี่ปุ่นทำไว้ได้ดีมาก แต่ลองดูในละครเรื่องนี้ค่ะ

เรื่องนี้ได้ผู้แต่งคนเดียวกันกับเรื่อง “Keizoku SPEC” ค่ะ แฟนซีรีส์สืบสวนสอบสวนจะรู้จักกันดี ใครเคยดูก็จะเห็นว่าเป็นแนวสืบสวนที่นำเรื่องวิทยาศาสตร์มาช่วยในการไขคดีแบบหักมุมสุดๆ เรื่อง “Ando Lloyd A.I Know Love” นี้ก็ไม่แพ้กันค่ะ เล่นกับทฤษฎีมิติของห้วงเวลา ทฤษฎีรูหนอนอะไรพวกนี้ บวกกับนวัตกรรมของหุ่นยนต์ในอนาคต

เรื่องราวก็จะเน้นการต่อสู้ระหว่างเจ้าหุ่นยนต์หน้าเหมือนศาสตรจารย์เรจิ “อันโด้ ลอยด์” (เป็นชื่อที่นางเอกตั้งให้) ที่ส่งตัวมาจากโลกอนาคตในปี 2113 กับพวกแอนดรอยด์ตัวอื่นที่ถูกส่งมาฆ่า “อันโด้ อาซาฮี” ก็จะมีฉากบู๊ แอคชั่น เตะ ต่อย ปล่อยพลังกันอย่างเมามันค่ะ

มีเติมพลังด้วย

เรื่องนี้ไม่ได้แค่เน้นแนวบู๊ หรือ Sci-fi อย่างเดียว แต่เน้นความโรแมนติกด้วย เป็นเรื่องราวความรักอันแรงกล้าของศาสตราจารย์เรจิ และอาซาฮี เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวพวกนี้ขึ้น และต่อสู้กับเรื่องราวร้ายๆ ได้ ซึ่งความเป็นโรแมนติกในเรื่องนี้ ไม่ใช่แนวความรักเชิงชู้สาว แต่เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ความรักอันยิ่งใหญ่ที่สามารถต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ได้ ซึ่งตามความจริงแล้ววรรณกรรมหรือละครแนวโรแมนติกนั้นก็มีลักษณะแบบนี้ค่ะ แต่ว่าเรื่องที่ออกแนวเชิงชู้สาวจะเรียกว่า “โรแมนซ์” ค่ะ สำหรับเรื่องนี้ก็จะออกแนวเป็นความรักที่แท้จริง เสียสละเพื่อคนที่เรารัก มันก็จะมีโมโม้นต์เศร้าๆ ซึ้งๆ ให้ได้ดูกันด้วยค่ะ บ่อน้ำตาแตกเลย

2.แนวคิด Humanism เชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์
แม้ว่าเรื่องนี้จะมีหุ่นยนต์แอนดรอยด์รับหน้าที่หลัก แต่แนวคิดหลักสำคัญที่ละครเรื่องนี้พยายามจะสื่อก็คือ“ศักยภาพของมนุษย์” ที่ไม่มีวันสิ้นสุด เรื่องนี้ได้บอกว่า “แรงอธิษฐาน” ที่คนเราส่วนใหญ่มักใช้ออนวอนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น มันจะดีกว่าถ้าเราเปลี่ยนมาเป็นการอ้อนวอนตัวเอง จนกลายเป็นความเชื่อว่า “เราต้องทำได้” แค่เชื่อว่าทำได้ ก็จะส่งผลให้เกิดความสำเร็จ ในละครเรื่องนี้มีฉากหนึ่งที่ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนเลยค่ะ เป็นฉากที่ศาสตราจารย์เรจิ ค้นพบอนุภาคของแรงอธิษฐานมนุษย์ โดยในละครได้โยงไปที่เหตุการณ์จริงเลยค่ะ คือเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงจนทำให้เกิดสึนามิที่ญี่ปุ่นในปี 2011 ในละครเล่าว่า ในช่วงเหตุการณ์นั้นศาสตราจารย์เรจิได้ค้นพบอนุภาคอย่างหนึ่งเป็นจำนวนมากในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำการวิจัย แต่นักวิทยาศาสตร์ทั่วไปเชื่อว่านั่นอาจเป็นคลื่นรบกวนชนิดหนึ่งที่เกิดจากแผ่นดินไหว แต่ศาสตราจารย์เรจิกลับคิดต่างออกไป เขาคิดว่านั่นคือแรงอธิษฐานที่มนุษย์ทุกคนร่วมกันตั้งจิต และภาวนาให้ทุกคนรอดพ้นจากอันตรายในครั้งนี้...

“ผมจะพยายามจนกว่าจะชนะ ไม่ว่าจะต้องพยายามสักกี่ครั้งก็ตาม”

แล้วก็มองกลับมาที่เนื้อเรื่องในละครค่ะ การที่มีหุ่นยนต์แอนดรอยด์มาช่วยอาซาฮีได้นั้น ก็เกิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าของศาสตราจารย์เรจิค่ะ แม้ว่าเขาจะต้องตาย แต่เขาก็เชื่อมั่นว่า เขาจะปกป้องคนรักของเขาให้ได้ แม้จะเป็นวิธีการที่ยากมากๆ แต่ด้วยความเชื่อ ความรักที่มีจะสามารถทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ขึ้นมา รวมถึงตัวอาซาฮีเองที่เขาเชื่อว่าศาสตราจารย์เรจิยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง และความเชื่อว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ทำให้เธอยังมีลมหายใจต่อไป

3. พล็อตชวนลุ้น ปริศนาที่ชวนให้ติดตาม
ขอบอกเลยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูจบไปตอนนึงแล้วอยากจะดูต่อค่ะ เพราะเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยปริศนา แม้ว่าศาสตรจารย์เรจิจะตายตั้งแต่ฉากแรกเลย ละครหลายเรื่องอาจใช้ความตายของตัวเอกเป็นจุดจบ แต่สำหรับเรื่องนี้แล้วขอบอกว่า ความตายคือจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ต่างๆ และปริศนาอีกมากมายที่กำลังเกิดขึ้นต่อจากนี้ เรื่องนี้ชวนให้อยากรู้ตั้งแต่ตนแล้วว่า ศาสตราจารย์เรจิ เขารู้อะไร ทำไมถึงต้องมีพวกแอนดรอยด์จากโลกอนาคตมาฆ่าอาซาฮี แล้วในเรื่องจะมีหญิงสาวปริศนาคนหนึ่งค่ะ ก็คือคนนี้

นางเป็นใครก็ไม่รู้ มีความเหมือนมนุษย์มาก แต่จับสัญญาณชีพจรไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน แต่ที่แน่ๆ มีความน่ากลัวซ่อนอยู่ภายใต้ความแอ๊บแบ้วนี้…

รวมถึงปริศนาในตัวตนของหุ่นยนต์แอนดรอยด์รหัส ARX II-13 หรือ “อันโด้ ลอยด์” ว่าเป็นใครมาจากไหน มีปมเบื้องลึกอะไรในอดีต (หุ่นยนต์ก็มีอดีตนะเธอออ) แล้วก็เรื่องราวของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ศาสตราจารย์เรจิมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ แล้วพวกที่ลงมาตามฆ่าอันโด้ อาซาฮี คือใคร และทำไมต้องฆ่า ? ศาสตรจารย์เรจิจะสามารถกลับมาพบกับอาซาฮีได้อีกครั้งหรือไม่ แล้ว “อันโด้ ลอยด์” จะอยู่บนโลกได้ตลอดไปหรือเปล่า ต้องค้นหาคำตอบพร้อมความสนุกได้ในละครเรื่องนี้ค่ะ


จุดด้อยของเรื่องนี้ (แบบเล็กๆ น้อยๆ)
1. ความล้ำของเรื่องบางทีก็ชวนให้มึนงง
ด้วยความที่เป็นละครแนว Sci-fi มีเรื่องราวของวิทยาศาสตร์เข้ามาร่วมอยู่ด้วย บางทีดูไปก็จะงงๆ นิดนึงค่ะ แต่ว่าก็เป็นความงงที่ชวนให้เราอยากรู้ และอยากทำความเข้าใจ ไม่ใช่ความน่าเบื่อหน่อยแต่อย่างใด

2. ฉากนองเลือด ชวนให้หวาดเสียว
ก็อย่างว่าเป็นละครแนวบู๊ แอคชั่นด้วย “อันโด้ ลอยด์” ต้องต่อสู้ ปกป้อง “อันโด้ อาซาฮี” ให้ได้ พวกฝ่ายตรงข้ามก็ชอบส่งแอนดรอยด์สเป็กสูงๆ มา ก็จะมีฉากต่อสู้กันเมามัน มีเลือดตก ยางออกบ้าง ยิ่งฉากหลังๆ จะฮาร์ดคอขึ้นนิดนึง ใครไม่ชอบอะไรที่เลอะๆ ก็อาจจะขัดตาบ้าง แต่ดูไปดูมาก็จะชินเองค่ะ เอ๊ะ! ยังไงเนี่ย! ก็มันเป็นฉากที่ถือว่าจำเป็นค่ะ ในเรื่องคือต้องต่อสู้กับเหล่าวายร้าย ถ้าไม่เอาให้ตาย ก็ไม่รอดน่ะสิคะ!


สิ่งที่ประทับใจ
1 ทาคุยะเล่ คิมุระ เล่นดีเวอร์!!!

เรื่องนี้ทาคุยะเล่นได้ดีเลยทีเดียวค่ะ และเป็นบทที่ยากด้วย เพราะเขาต้องเล่นถึง 2 บทบาทเลยก็คือ เล่นเป็น “ศาสตราจารย์มัตสึชิมา เรจิ” และหุ่นยนต์ “อันโด้ ลอยด์” คาแร็กเตอร์ของศาสตรจารย์เรจิจะเป็นคนเนิร์ดๆ ยอดอัจฉริยะ มีบุคลิกแปลกๆ ตามประสาคนไอคิวสูงมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนโรแมนติก มีความอ่อนโยน ใจดี ส่วนคาแร็กเตอร์ของ “อันโด้ ลอยด์” ก็จะเป็นอีกขั้วหนึ่ง มีความเย็นชา ไม่อ่อนโยนต่อคนรอบข้าง มีความแข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และกล้าหาญ ไม่ค่อยรู้จักกับความรัก จนได้มาเรียนรู้กับ “อันโด้ อาซาฮี”
ทาคุยะเล่นได้ดีจนขนาดที่ว่า คนดูสามารถแยกแยะได้ว่าใครคือ ศาสตราจารย์เรจิ และใครคืออันโด้ ลอยด์ จากแววตา และพฤติกรรม บุคลิกของตัวละคร เอาเป็นว่าเรื่องนี้จะไม่ผิดหวังในเรื่องการแสดงเลยค่ะ!

2. ขนบอนิเมชั่น

เป็นส่วนเล็กๆ ที่ชามะนาวรู้สึกประทับใจค่ะ พอดูฉากที่หุ่นยนต์แอนดรอยด์โผล่ออกมาจากลิ้นชักแล้ว ทำให้นึกถึงการ์ตูนชื่อดัง ที่อยู่ในใจของคนไทยหลายคนอย่างเรื่อง “โดราเอมอน” ค่ะ แถมมาจากโลกอนาคตเหมือนกันเสียด้วย มันทำให้รู้สึกได้ว่ามันเป็น Sci-fi แบบญี่ปุ่น ภาพตอนที่หุ่นยนต์กำลังปรากฏตัวขึ้นมาก็ดูทันสมัย ล้ำๆ ดีค่ะ และขอบอกอีกเรื่องว่า ภาพในละครที่เห็นกันนั้น ได้ “Anno Hideaki” ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอ Gainax และผู้กำกับระดับตำนานของวงการการ์ตูนของญี่ปุ่น ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขาก็คือ “Neon Genesis Evangelion” ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำละคร “Ando Lloyd A.I Know Love” ด้วยค่ะ

3. กองทัพนักแสดง

มีนักแสดงสาวๆ มาเอาใจหนุ่มด้วยนะคะ

เรื่องนี้รวมนักแสดงที่มีชื่อเสียงไว้หลายคนเลยค่ะ นำทีมโดย “ทาคุยะ คิมุระ” มาประกบคู่กับ นางเอกสวยตลอดกาลอย่าง “ชิบาซากิ โค” ที่มาเล่นเป็น “อันโด้ ฮาซาฮี” หรือจะเป็น “โอชิม่า โยโกะ” อดีตสมาชิกวง AKB48 ที่มารับบทเป็นน้องสาวของศาสตราจารย์เรจิ กับบทที่มีความซับซ้อนอยู่พอสมควร“ฮอนดะ ทสึบาสะ” นักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการละครญี่ปุ่น มารับบทเป็นพยาบาลสาวสุดต๊อง ที่คอยมารักษาอันโด้ ลอยด์ในตอนได้รับบาดเจ็บ รวมถึง สาว “คิริตานิ มิเรอิ” นางร้ายแสนสวยของญี่ปุ่น ที่มารับเล่นบทนี้ได้แบบสวย ร้ายลึก เลยทีเดียวค่ะ


ความคิดเห็นส่วนตัว
ชอบโทนสีในเรื่อง กับฉาก CG มากค่ะ ภาพสวย สมจริง รวมถึงพล็อตเรื่องที่สนุก น่าติดตาม ละครเรื่องนี้ไม่ได้เน้นมันส์อย่างเดียว แต่ยังแฝงไปด้วยข้อคิดถึงการมีชีวิตอยู่ ความสามารถของมนุษย์ ความเชื่อมั่นในตัวเองที่จะมีชีวิตต่อไป รวมถึงเรื่องความรักที่เรื่องนี้ได้สื่อออกมาในอีกรูปแบบหนึ่งว่า ความรักที่ยั่งยืน และควรจะเป็นมันควรเป็นแบบไหน อีกทั้งยังมีฉากเศร้าเคล้าน้ำตาด้วยค่ะ มันอาจมีที่มามาจากความรักและความผูกพันของตัวละครก็เป็นได้

ละครญี่ปุ่นดีดีอีกเรื่องที่น่าติดตามค่ะ ได้ทั้งความสนุก ข้อคิด ใครสนใจอยากจะชมละครญี่ปุ่นเรื่องนี้ ก็สามารถรับชมได้ที่ช่อง ThaiPBS ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20:15 น. ค่ะ

เรื่องโดย : ChaMaNow www.marumura.com