เขาเป็นหนึ่งในคนดังที่มีชื่อเสียงระดับโลก และทำเงินได้หลักล้านดอลลาร์ จากผลงานเพลงฮิตมากมายของเขา แต่ใครจะรู้กันล่ะว่าเรื่องราวชีวิตจริงของเขานั้น ต่างต้องพบเจอกับความเสียใจและผ่านการต่อสู้ต่างๆ มาอย่างมากมายกัน

ความเสียสละครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในวัยเด็กตอนอายุได้เพียงแค่ 13 ปี เขาตัดสินใจที่จะเดินทางออกจากบ้านเพื่อหาทางช่วยเหลือครอบครัวของเขา ซึ่งตอนนั้นเขายังอยู่เพียงแค่เกรด 6 กันเท่านั้น

เขาไม่เคยทำตัวเป็นซุปสตาร์คนดังระดับโลก แต่เขาเป็นคนที่ชอบทำตัวน่ารักอยู่เสมอๆ

เขาเดินทางเข้าไปยังกรุงโซล เพื่อทำการออดิชั่นในค่ายเพลงต่างๆ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเขาในวงการบันเทิง

“ผมรักเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ เลยครับ แต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังกับมันมาก เนื่องจากว่าผมเป็นคนค่อนข้างขี้อายครับ ตอนที่ผมอยู่เกรด 4 ผมได้ร่วมทำการแสดงของสถาบัน แต่ครอบครัวของผมมีปัญหาทางด้านการเงิน ดังนั้นผมจึงถูกส่งตัวไปอยู่กับคุณป้า ทำให้ผมและญาติของผมได้เข้าไปที่สถาบันด้วยกันครับ

เขา [ประธานของบริษัท] ได้ทำการแคสติ้งหาเด็กวัยรุ่นเพื่อมาเป็นแร็ปเปอร์ ดังนั้นผมจึงได้ทำการออดิชั่นในส่วนนั้นครับ ผมได้รับการคัดเลือก และตอนนั้นก็เป็นการแสดงฮิปฮอปครั้งแรกของผม มันทำให้ผมต้องการที่จะกลายไปเป็นเด็กฝึกหัดครับ [ที่บริษัทเพลง]”

เมื่อเขาได้ค้นพบความรักของเขาที่มีต่อแนวเพลงฮิปฮอป เขาจึงได้เข้าไปหาประธานบริษัทเพื่อขอฝึกอบรมในการเป็นนักร้อง จากความสามารถและเสน่ห์ของเขาทำให้ประธานบริษัทตอบในทันทีว่า “โอเค” กับเขาในตอนนั้น

ในขณะนั้นเขายังสามารถออกไปในที่สาธารณะได้ โดยไม่มีกลุ่มของแฟนๆ นับพันคนรายล้อมรอบตัวของเขากัน

“หลังจากที่ได้ร่วมงานมิวสิกวีดีโอ ผมก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมของผมครับ แต่ผมไม่ได้ต้องการแบบนั้นครับ ผมจึงไปหาเขา [ประธานบริษัท] และบอกว่า ‘ผมต้องการที่จะเป็นนักร้องครับ ขอผมฝึกซ้อมที่นี่นะครับ’ และเขาก็บอกผมว่า ‘โอเค มาเริ่มกันเลย’ ผมคิดว่าเขาคงชอบความมุ่งมั่นของผม ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่มากเลยล่ะครับ"

ในตอนนั้นสภาพแวดล้อมของห้องฝึกซ้อมเด็กฝึกหัด ไม่ได้ดูโอเคเหมือนอย่างในทุกๆ วันนี้ บริษัทนี้เพิ่งกำลังเริ่มต้นเติบโต และเด็กฝึกหัดในค่ายก็จะฝึกซ้อมกันภายในห้องสตูดิโอขนาดเล็ก ซึ่งได้รับการสนับสนุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ช่วงที่เขาต้องต่อสู้กับการเป็นเด็กฝึกหัดในเวลานั้น เขาก็ได้มาพบกับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ที่ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเขา และเป็นเหมือนกับพี่น้องของเขาในชีวิตจริง

ทั้งสองคนนั้นได้กลายเป็นเหมือนกับพี่น้องกัน นับตั้งแต่ตอนอายุได้เพียงแค่ 13 ปี

เด็กฝึกหัดคนนี้ได้เข้าบริษัทในเวลาเดียวกัน และมีอายุเท่าๆ กันกับเขา ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันทำให้พวกเขาเกิดความผูกพันระหว่างกันขึ้นมา พวกเขาได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว และเชื่อมโยงทุกๆ อย่างของพวกเขาเข้าหากันในตอนนั้น

พวกเขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในบริษัท ในฐานะของสองเด็กหนุ่มที่เตรียมจะกลายไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ของวงการเพลง

“เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกวงฮิปฮอปใต้ดินในตอนนั้นครับ จนกระทั่งเขาได้เลือกที่จะมาเข้าในบริษัท พวกเราทะเลาะกันบ้างบางครั้งหลังจากที่ได้กลายมาเป็นเด็กฝึกหัด แต่พวกเราก็มีเพียงแค่กันและกันเท่านั้นครับ พวกเราไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตวัยเรียนอย่างปกติทั่วไปได้ ดังนั้นความทรงจำทั้งหมดที่มีในวัยเด็กก็คือการที่ผมได้อยู่กับเขาครับ”

ต่อมา เด็กฝึกหัดทั้งสองคนก็ได้มีโอกาสมาพบกับเด็กฝึกหัดอีกคนที่บริษัท ผู้ซึ่งตัดสินใจที่จะฝึกอบรมให้ตัวเองนั้นกลายไปเป็นแร็ปเปอร์กันที่บริษัทแห่งนี้ เด็กฝึกหัดใหม่ได้มารวมตัวกับพวกเขาทั้งสองคน จนกลายเป็นสมาชิกของวงบอยแบนด์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประวัติศาสตร์วงการเพลงเคป็อป

ในปี 2006 เด็กหนุ่มเหล่านี้ก็ได้เดบิวต์ในฐานะของสมาชิกวง BIGBANG เพื่อนสนิทของเขานั้นกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกในฐานะของจีดราก้อน (G-Dragon) และเด็กฝึกหัดอีกคนที่เข้ามาใหม่ก็คือท็อป (T.O.P) นั่นเอง

ภาพที่พวกเขาได้ถ่ายร่วมกัน สมัยที่ยังไม่มีใครรู้จักพวกเขา

แทยัง (Taeyang) คือเด็กฝึกหัดของเรื่องราวนี้ ที่ต้องผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากและการฝึกอบรมที่เหน็ดเหนื่อย จนกลายเป็นเขาได้อย่างในทุกวันนี้กัน

เขาสามารถทำเงินได้มากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ร่วมกับสมาชิกของวง BIGBANG ในเวลาเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ซึ่งทำให้รายได้ของเขาในตอนนั้น ติดอันดับของคนดังแถวหน้าระดับโลกกันเลยทีเดียว

การแสดงโชว์ในเพลง “Intro (Put Your Hands Up)” ที่รายการเพลง KBS 'Music Bank' เป็นการแสดงแรกของพวกเขาในฐานะสมาชิกของวง BIGBANG และนี่คือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์วงบอยแบนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของวงการเพลงเคป็อปในตอนนี้

ในที่สุดความฝันของแทยังก็กลายเป็นความจริงกันแล้ว!!

ที่มา : http://www.koreaboo.com

แปลโดย : http://www.popcornfor2.com