ครีมบำรุงมีมากมาย แตกต่างกันอย่างไรนะ
2012-06-12 06:03:39
Advertisement
คลิก!!!
ครีมบำรุง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


เดี๋ยวนี้มีครีมบำรุงต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้ได้มากมาย อ้างคุณสมบัติต่าง ๆ อย่างชะลอริ้วรอย ลบเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวขาวขึ้น ฯลฯ แต่ในบรรดาครีมต่าง ๆ มากมายหลายยี่ห้อนี้เราจะดูอย่างไรว่าแบบไหนที่มีคุณภาพ และมีสารประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อผิวเราจริง ๆ มาดูคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ดูดีกว่าค่ะ อย่างน้อยน่าจะช่วยให้คุณสาว ๆ เลือกใช้ครีมได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

คุณสมบัติเริ่มแรกที่ทำให้คุณถูกตาต้องใจครีมสักกระปุกหนึ่ง คงเป็นคุณสมบัติที่สังเกตได้ง่าย ๆ อย่าง กลิ่น ความเข้มข้นของเนื้อครีม ความเร็วในการซึมซาบเข้าสู่ผิว และสิ่งต่อมาที่คุณต้องเอาใจใส่อย่างยิ่งยวด ก็คือส่วนประกอบของครีมนั้น ว่ามีสารที่ทำให้คุณเกิดอาการระคายเคืองหรือไม่ หมดอายุเมื่อไหร่ และที่สำคัญต้องดูสารประกอบต่าง ๆ ในครีมด้วย เช่น ครีมที่มีสารประกอบที่สกัดจากพืช, คอลลาเจน, อีลาสติน, สารที่ช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิว และสารที่ช่วยในการต่อต้านการเกิดริ้วรอย ซึ่งช่วยในการปรนนิบัติผิว ให้ผิวคุณมีความยืดหยุ่น ช่วยลบเลือนรอยเหี่ยวย่น และบำรุงจากอาการไหม้เพราะแสงแดด นอกจากนี้ยังมีสารประกอบในครีมอีกมากมาย ที่มีผลทำให้ครีมนั้นมีคุณสมบัติต่าง ๆ กันไป อย่าลืมสำรวจดูสภาพผิวของตนเอง และทำการศึกษาเรื่องสารประกอบแต่ละชนิดในครีมบำรุงด้วยนะคะ

ผู้หญิงกับความสวยงามนั้นเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร แม้ในสมัยโบราณ ก็มีการคิดค้นครีมบำรุงขึ้นใช้เพื่อคุณสมบัติด้านความงามกันแล้วค่ะ

ประวัติความเป็นมาของครีมบำรุง

ส่วนประกอบสำคัญในการทำครีมบำรุงผิวในสมัยโบราณนั้น ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ 2 อย่าง คือน้ำมันหอม และไขที่สกัดมาจากพืช หรือไขมันสัตว์ อีกทั้งยังมีการผสมสารที่เชื่อว่า มีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาอีกด้วย

ผู้คนที่อาศัยอยู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มักใช้น้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบหลักในการทำครีมบำรุง ส่วนชนเผ่าทางอัฟฟริกามักใช้น้ำมันที่สกัดมาจากปาล์มแรฟเฟีย เป็นส่วนประกอบสำคัญเพื่อครีมสำหรับความงาม ส่วนชาวโอเชียเนียผลิตครีมที่สกัดจากน้ำมันมะพร้าว และยังผสมน้ำมันสกัดจากเมล็ดละหุ่งและไขมันจากสัตว์ รวมถึงบางครั้งยังมีการใส่เนยที่มีส่วนผสมของ ขิง รากไม้และสมุนไพรต่าง ๆ แม้แต่ผงเหล็กลงไปด้วย

กระทั่งในสมัยปัจจุบัน ครีมหรือสกินแคร์ต่าง ๆ ก็ยังคงส่วนประกอบหลักเช่นเดียวกับเมื่อสมัยก่อนอย่างพวกน้ำมันสกัด มีการเติมน้ำ และตัวทำละลายเพื่อให้น้ำมันและน้ำเข้าผสมเป็นเนื้อเดียวกัน รวมถึงเติมสารต่าง ๆ ที่เป็นอาหารบำรุงผิว หรือมีคุณสมบัติปกป้องผิวลงไปด้วย ซึ่งทำให้ครีมในปัจจุบันแบ่งออกเป็นอีกหลายประเภท ตามคุณสมบัติของมัน

ครีมประเภทต่าง ๆ

1. ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น หรือมอยซ์เจอร์ไรเซอร์

2. ครีมที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว หรือนูริชชิ่ง

3. ครีมบำรุงล้ำลึก หรือทรีตเม้นต์ครีม มีความเข้มข้นมากกว่ามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ และนูริชชิ่งครีม

4. ครีมประเภทลดริ้วรอย หรือรีจูเวเนตติ้งครีม

5. ครีมลดเซลลูไลท์ แม้ไม่สามารถลดเซลลูไลท์ หรือไขมันใต้ผิวหนังได้โดยตรง แต่จะให้ผลควบคู่กับการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร

6. ครีมประเภทสครับ เป็นครีมที่ผสมเม็ดบีดส์เล็ก ๆ สำหรับใช้นวดขัดผิวหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าออก

7. ครีมกันแดด ซึ่งมักมีส่วนประกอบของอโลเวร่า กรด p-amino-benzoicม, สารไฮโดรควินอน, สารประกอบซิงค์ และไทเทเนียม ซึ่งช่วยเรื่องการปกป้องผิวจากแสงแดด

8. ครีมที่ใช้เฉพาะฤดู เช่น ครีมสำหรับฤดูหนาว ซึ่งจะมีส่วนประกอบที่เป็นไขมากกว่าครีมทั่วไป รวมถึงสารประกอบที่เคลือบบาง ๆ บนผิวหนัง เพื่อปกป้องผิวจากสภาพอากาศหนาวเย็น คาวมชื้นต่ำ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ จากอากาศที่จะมีผลกระทบต่อผิวของเราด้วย

9. ครีมสร้างผิวสีแทน สำหรับสาวที่อยากมีผิวสีแทนดูสุขภาพดี ในเนื้อครีมชนิดนี้ประกอบด้วยสารที่เร่งการทำงานของเม็ดสี หรือเมลานินในผิวหนัง ซึ่งจะให้ผลที่ระยะเวลาราว 3-7 วัน อย่างไรก็ตามควรใช้อย่างระมัดระวัง และอ่านวิธีการใช้อย่างละเอียดทุกครั้ง

10. ครีมรองพื้นต่าง ๆ

11. ครีมสำหรับป้องกันความอับชื้น มักใช้ในเด็กทารกเพื่อป้องกันการเกิดผื่นผ้าอ้อม ซึ่งเกิดจากความอับชื้น และกรดยูริค

12. ครีมชนิดพิเศษ ครีมที่อยู่ในพวกครีมพิเศษเหล่านี้ ประกอบด้วยสารที่บำรุงเฉพาะส่วน เช่น ตา, มือ, เท้า หรือครีมโลชั่นสำหรับบำรุงผิวหลังการโกนหนวด ฯลฯ

ครีมหรือโลชั่นเพียงตัวเดียว อาจมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาหลายข้อผสมกัน หรือครีมโลชั่นบางอย่าง เช่นโลชั่นกันแดด หรือครีมทรีตเม้นต์ก็อาจมาในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่เนื้อครีม เช่น สเปรย์ ก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการบำรุงผิวอย่างเร่งด่น ซึ่งไม่อาจเห็นผลได้รวดเร็วทันใจหากใช้เพียงครีมหรือโลชั่น จึงได้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "มาส์ก" ขึ้นมา เพื่อการปรนนิบัติบำรุงผิวแบบเร่งด่วนสำหรับคนที่มีเวลาน้อย คุณสมบัติระหว่างมาส์กกับครีมก็แตกต่างกันไป ลองดูข้อแตกต่างนี้แล้วเลือกแบบที่ใช่ในการดูแลผิวคุณดูค่ะ

ข้อแตกต่างระหว่าครีมกับมาส์ก

1. ความเข้มข้นของเนื้อครีม โดยทั่วไปในมาร์สหนึ่งแผ่น มักมีความเข้มข้นมากกว่าปริมาณครีมที่เราใช้ในหนึ่งครั้ง

2. ด้านประสิทธิภาพ ครีมมักเป็นผลหลังการใช้ราวหนึ่งเดือน แต่มาส์กเห็นผลทันทีหลังการใช้ อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพจากมาส์กมีอายุสั้นกว่าครีม คืออยู่ได้ราว 1-2 วันเท่านั้น

3. ความถี่ในการใช้ การใช้ครีมให้เห็นผลดีควรใช้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ส่วนมาส์กอยู่ที่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

4. ความเร็วในการซึมซาบลงสู่ผิว มาส์กใช้เวลาราว 15-20 นาทีในการซึมซาบเข้าสู่ผิวหนัง ส่วนครีมนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของเนื้อครีม

ปัจจุบันนี้ ด้วยความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ทำให้หลายแบรนด์ต่างแข่งขันกันผลิตครีมชนิดต่าง ๆ ออกมาเพื่อสนองตอบความต้องการดังกล่าว แต่ก่อนที่สาว ๆ จะเลือกครีมสักกระปุกมาใช้ อย่าลืมศึกษาส่วนประกอบในเนื้อครีม รวมถึงไม่ละเลยคำแนะนำจากผู้ผลิต เพื่อผลที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองนะคะสาว ๆ

ข้อมูลจาก

http://www.kapook.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X