"ความเศร้า"ที่แท้จริงคือ เศร้าจนไม่เหลือน้ำตาให้ร้องไห้
2015-03-23 10:18:17
Advertisement
คลิก!!!

 

ผู้ป่วยสุภาพสตรีท่านหนึ่งเคยเล่าให้ฟังถึงตอนที่อาการซึมเศร้ากำเริบ เธอจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรเลยที่ทำให้มีความสุขได้ กระทั่งอาหารที่ชอบก็ยังกินแล้วไม่อร่อย เพลงที่เคยชอบฟังก็ฟังแล้วไม่เพราะเหมือนอย่างเคย ทุกอย่างรอบตัวช้าลงไปหมด การจมอยู่ในความทุกข์โดยที่เวลาหนึ่งวันช้าเหมือนผ่านไปเป็นเดือนถือเป็นเรื่องเลวร้ายมากค่ะ

"พอหนูบอกทุกคนว่าหนูรู้สึกเบื่อ ไม่อยากทำอะไรเลย เบื่อชีวิตอยากตาย ทุกคนก็บอกว่าอย่าคิดอย่างนั้น เขาไม่เข้าใจว่าหนูเองก็ไม่ได้อยากจะเบื่อ ไม่ได้อยากจะตาย แต่มันบังคับไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้นเอง"

เป็นเรื่องปกติที่คนไม่เคยเศร้าจะจินตนาการไม่ออกค่ะว่าความเศร้าสร้างความทรมานมากแค่ไหน เราอาจจะเคยเศร้า 1 วัน แล้วพอวันที่ 2 ก็ทำใจได้เพราะคิดว่าไม่รู้จะเศร้าต่อไปทำไม แต่คนที่มีอาการซึมเศร้าไม่ใช่ว่าเขาทำใจไม่ได้จึงเศร้าต่อเนื่องเป็นปีนะคะ เป็นเพราะโรคทำให้เขาหายเศร้าไม่ได้เสียที ทั้งที่อยากหายเศร้าใจจะขาดค่ะ มีละครญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งอธิบายความทุกข์ที่เกิดจากความเศร้าได้ดีมาก และทำให้เราเห็นว่าบางครั้งคนที่ไม่เศร้าและไม่เข้าใจความเศร้านี่ล่ะค่ะที่ทำให้คนเศร้าจริงๆ ยิ่งอาการแย่ลง

"Soredemo, Ikite Yuku" หรือ "ถึงอย่างไรเราก็ต้องมีชีวิตอยู่กันต่อไป" คือเรื่องราวของ 2 ครอบครัวที่ตกอยู่ในความเศร้า เมื่อ 15 ปีก่อนในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญขึ้น ผู้เสียชีวิตคือเด็กสาววัยประถมของครอบครัว "ฟุคามิ" เธอไปเล่นว่าวในป่าแล้วถูกเด็กมัธยมต้นฆาตกรรม หลังเหตุการณ์ ทุกคนในครอบครัวฟุคามิก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีกต่อไป แม่ถูกคนทั้งประเทศประณามว่าทิ้งลูกสาวไว้คนเดียวจนถูกฆาตกรรม เธอทนแรงกดดันไม่ไหวจนตัดสินใจแยกกับสามีออกไปใช้ชีวิตอยู่เมืองอื่นกับลูกชายคนเล็ก ฝ่ายพ่อก็จมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ลูกสาวตายไปโดยช่วยอะไรไม่ได้และหมกมุ่นอยู่กับความพยายามตามหาฆาตกรเพื่อแก้แค้น ลูกชายคนโตที่แม่ฝากให้ดูแลน้องสาวกลับไปเช่าวิดีโอโป๊กับเพื่อนโดยทิ้งน้องสาวไว้ แม้ไม่มีใครต่อว่าแต่เขาเชื่อว่าตนเองคือต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวตาย ส่วนลูกชายคนเล็กที่แม่พาไปอยู่ด้วยกันในเมืองอื่นก็ต้องการให้แม่จงเกลียดจงชังครอบครัวฆาตกรต่อไป เพราะเชื่อว่าความโกรธแค้นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้แม่มีชีวิตอยู่ได้

ครอบครัวผู้เสียชีวิตว่าเศร้าแล้ว แต่ละครเรื่องนี้ทำให้เรามองเห็นอีกมุมหนึ่งว่าครอบครัวฆาตกรเองก็ใช่จะมีความสุขค่ะ ลูกชายคนโตของครอบครัว "โทยามะ" คือผู้ก่อเหตุฆาตกรรมเด็กสาว หลังเหตุการณ์นั้น ทุกคนในครอบครัวก็ไม่ได้พบลูกชายที่ถูกควบคุมตัวไว้บำบัดในสถานพินิจเลย คนทั่วประเทศคิดว่าครอบครัวนี้ควรรับผิดชอบด้วยการฆ่าตัวตายไปเสียทั้งบ้านเพื่อชดใช้ความผิด ดังนั้น ไม่ว่าจะย้ายบ้านไปที่ไหน เมื่อมีคนรู้ว่าครอบครัวนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฆาตกรก็จะถูกขับไล่และตามรังควานเสมอ พ่อถูกไล่ออกจากงาน แม่ต้องรับโทรศัพท์ก่อกวนอยู่ที่บ้าน ลูกสาวคนโตถูกแกล้งจนไปโรงเรียนไม่ได้และพอกำลังจะแต่งงานก็ถูกถอนหมั้นเมื่อฝ่ายชายทราบว่าเป็นครอบครัวของฆาตกร 

ละครเรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นจาก "โทยามะ ฟุตาบะ" ลูกสาวคนโตเชื่อว่าคนในครอบครัวฟุคามิตามมาก่อกวนตลอด 15 ปี เธอจึงแอบไปพบ "ฟุคามิ ฮิโรคิ" ลูกชายคนโตบ้านฟุคามิและทำความรู้จักกัน ทั้งสองคนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วเพราะต่างคนต่างก็ตกอยู่ในความเศร้า แม้ภายหลังจะรู้ว่ามาจากครอบครัวเหยื่อและครอบครัวฆาตกรแต่ทุกคนก็เริ่มหันมาคิดว่า "ความพยายามที่จะมีชีวิตอยู่" ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่การเลือกเผชิญหน้ากับความจริง เกือบทุกคนเลือกหนีความจริงและพยายามจะโทษใครสักคนซึ่งคนนั้นก็อาจจะเป็นตัวเอง

คนเกินครึ่งในเรื่องนี้มีอาการซึมเศร้าชัดเจนมากค่ะ เราจะเห็นว่าครอบครัวทั้งสองไม่มีใครแต่งตัวสวย ไม่มีใครคิดถึงอนาคตที่สดใส ทุกคนหมกมุ่นอยู่กับความเศร้าในอดีตและเลือกมีชีวิตอยู่เพื่อชดใช้ความผิดที่คิดว่าตัวเองต้องรับผิดชอบ มีคนเดียวคือลูกสาวคนเล็กของครอบครัวฟุตาบะซึ่งยังอยู่ในท้องแม่ตอนเกิดเหตุฆาตกรรมที่เหมือนเด็กทั่วไป เธอกล้าหาญและมีความหวัง ส่วนคนอื่นแค่จะใช้ชีวิตอยู่ให้รอดไปได้แต่ละวันก็ยากมากแล้ว

สาเหตุที่ควรดูเรื่องนี้เพื่อให้เข้าใจอคติของตัวเองค่ะ ทุกครั้งที่เรารู้สึกโกรธครอบครัวฆาตกร ละครก็จะถามเราว่าคนที่ควรโกรธคือตัวฆาตกรไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ไปโกรธครอบครัวที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย และทุกครั้งที่เราสงสารครอบครัวเหยื่อ ละครก็ถามเราต่อว่าถูกต้องหรือไม่ที่แม่ผู้เสียชีวิตมีสิทธิตามก่อกวนอีกครอบครัวหนึ่งมาตลอด 15 ปี เพียงเพื่อต้องการลบล้างความเศร้าจากการสูญเสียลูกสาว แล้วถ้าเราคิดว่าฆาตกรคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เราจะไปโทษคนที่เจ็บป่วยทางจิตได้หรือเปล่า

เป็นละครที่ทำให้เราเข้าใจ "ความเศร้า" โดยที่คนดูไม่รู้สึกเศร้าเลยค่ะ ไม่มีฉากบีบคั้นอารมณ์ให้เราเสียน้ำตาเพราะละครเจตนาให้เรามีสติอยู่เสมอเพื่อครุ่นคิดว่าความเศร้าแท้จริงเป็นเรื่องลึกล้ำมาก และไม่มีใครเพียงคนเดียวที่สมควรรับผิดชอบทั้งหมดกับเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้น

ดูแล้วจะมีกำลังใจค่ะว่าชีวิตเราที่ว่าเศร้าแล้ว ที่จริงก็ไม่ได้เศร้าเท่าไรหรอก

 
 
ขอขอบคุณที่มา  มติชนออนไลน์
 
 
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X