เนื่องในวันการศึกษาความมั่นคงแห่งชาติ วันที่ 15 เมษายน ทางการจีนจัดทำโปสเตอร์เตือนพนักงานลูกจ้างของหน่วยงานราชการที่เป็นสาวๆ ให้ระมัดระวัง "รักอันตราย" จากการออกเดตกับหนุ่มต่างชาติรูปหล่อ เพราะนั่นอาจเป็น "สายลับ" ที่แฝงตัวเข้ามา หวังใช้ประโยชน์จากพวกหล่อนๆ
รายงานของซีเอ็นเอ็นและเอพี สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่าจีนพิมพ์โปสเตอร์การ์ตูน 16 ช่อง มองเผินๆ เหมือนการ์ตูนน่ารักๆ ที่นำเสนอความรักระหว่างสาวจีนกับหนุ่มนักศึกษาต่างชาติ แต่ปรากฏว่าเนื้อหาเป็นการสื่อภัยร้ายแรงระดับประเทศ
ตัวการ์ตูนสาวในเรื่องชื่อ "เสี่ยวลี่" เป็นข้าราชการสาวชาวจีน ถูกหนุ่มนักศึกษาหัวแดงตาน้ำข้าวชื่อ "เดวิด" มีชื่อจีนว่า ต้าเหว่ย มาหลอกลวง ทำเป็นหอบดอกไม้ช่อโตมาขอความรักจากหญิงสาว จากนั้นเมื่อเป็นแฟนแล้ว ก็ล่อหลอกให้หญิงสาวไปเอาเอกสารลับทางวิชาการมาให้ สุดท้ายเสี่ยวลี่ต้องถูกจับในข้อหาเป็นผู้ทรยศต่อประเทศ ฐานสมคบช่วยเหลือจารชน
ในโปสเตอร์ดังกล่าวยังมีสายด่วนสำหรับให้ประชาชนแจ้งเบาะแส พร้อมระบุถึงแผนฝึกอบรมผู้นำชุมชนให้มีความรู้พื้นฐานในการต่อต้านการจารกรรมข้อมูลความมั่นคงอีกด้วย
รัฐบาลกลางของจีนประกาศยกระดับมาตรการเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลความมั่นคง นอกจากการรณรงค์ผ่านการ์ตูนนี้แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ สื่อทางการยังแพร่ภาพทางทีวี เป็นการพิจารณาคดีของนายหวงหยู ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ ในข้อหาจารกรรมข้อมูลความมั่นคงของรัฐ 150,000 ชิ้น ถูกตัดสินประหารชีวิต
วิธีการดังกล่าวเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลที่คลุกคลีอยู่กับข้อมูลสำคัญ ว่าหากกำลังมีความคิดที่จะนำข้อมูลข่าวสารของรัฐไปเผยแพร่หรือขายให้แก่ใครก็ตามจะต้องพบจุดจบอย่างไร้ความปรานี
นายวิลเลียม นี นักวิเคราะห์เกี่ยวกับจีน ประจำองค์กรนิรโทษกรรมสากลให้ความเห็นว่า รัฐบาลจีนจะตอบโต้การกระทำที่เป็นภัยต่อข้อมูลความมั่นคงของรัฐอย่างรุนแรง เพราะอ่อนไหวในเรื่องนี้มานับตั้งแต่สมัยเหมาเจ๋อตง
"รัฐบาลหวังจะส่งสัญญาณป้องปรามเพื่อนเตือนใครก็ตามที่อยู่ในจำแหน่งคล้ายกันนี้จะเปิดเผยความลับของรัฐไปให้องค์การต่างชาติ แต่ในเวลาเดียวกัน ยังสร้างการรับรับให้คนทั่วไปว่า สายลับและสายลับที่แฝงตัวอยู่นั้นอาจซ่อนเร้นอยู่ ข้างๆ เรานี่เอง"
ความคิดเรื่องสายลับนั้นเป็นเรื่องที่มีอยู่ทั่วไป และเป็นปกติในยุคของประธานเหมา จนตอนนี้ช่วยเพิ่มความหวาดระแวง และเคลือบแคลงในสังคม ให้เป็นโรคเกลียดกลัวคนต่างชาติไปเลย" วิลเลียม นี กล่าวให้ความเห็น
ที่มา ข่าวสดออนไลน์