หากออกกำลังกายและกินอาหารน้อยลงกว่าเดิมแล้ว แต่น้ำหนักก็ยังไม่ลด ควรพิจารณานิสัยการกิน เพราะโภชนบำบัดไม่ได้หมายถึงการลดปริมาณอาหารลงอย่างเดียว แม้จะเป็นอาหารประเภทเดียวกัน แต่ก็ให้ผลแตกต่างกันไปตามวิธีกิน
ถ้าอดอาหารเอาไว้กินทีเดียว จะทำให้เกิดความเครียดจะสะสม ทำให้การลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องเป็นไปได้ยาก ทั้งยังทำให้เกิดปฏิกิริยาโยโย่ได้ง่ายด้วยการปล่อยให้ร่างกายทนหิวเพื่อกินทีเดียว จะทำให้เรามองหาแต่อาหารพลังงานสูงและคารโบไฮเดรตสูง ทั้งยังเกิดความรู้สึกว่าต้องหาอาหารมาชดเชย ทำให้กินเยอะเกินไป
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ แม้จะกินเพียงเล็กน้อย ร่างกายก็จะนำไปเก็บไว้เป็นไขมัน ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพอ้วนง่าย เราควรแบ่งปริมาณที่อดไว้กินทีเดียวเป็น 3 มื้อจะดีกว่า
ความอิ่มเป็นสัญญาณที่บอกร่างกายว่า ตอนนี้เราได้รับพลังงานเกินความจำเป็นแล้วพลังงานที่เหลือจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน ดังนั้นแม้จะรู้สึกเสียดาย ก็ควรวางช้อนลงฝึกตัวเองให้กินทีละนิดแต่บ่อย ๆ จนเป็นนิสัย
หากการลดปริมาณอาหารเป็นเรื่องที่ทำยาก ให้ค่อย ๆ เคี้ยวอาหารคำละ 30 ครั้งแล้วค่อยกลืน การเคี้ยวนาน ๆจะช่วยกระตุ้นการส่งสัญญาณอิ่มไปยังสมอง จึงป้องกันการกินเยอะได้
หลายคนสามารถควบคุมอาหารได้ดีเวลาอยู่คนเดียว แต่พอออกไปข้างนอกกลับกินเยอะ คนเหล่านี้มักจะอ้างว่า การกินอาหารช้านั้นดูไม่ดี ต้องกินให้เร็วเท่าคนอื่น หรือไม่ก็อ้างว่าความจริงไม่หิว แต่พอเห็นคนอื่นกิน เลยกินด้วยนิสัยการกินเช่นนี้จะทำให้เราไม่รู้ว่า เมื่อไรตัวเองจะหิว และควรกินแค่ไหน จึงทำให้อ้วนง่าย
แม้ว่าการกินเหลือจะไม่ดี แต่การฝืนกินเข้าไปทั้งที่อิ่มแล้ว ไม่ใช่วิธีกินอาหารที่ฉลาด ทั้งอาหารข้างนอกยังให้ปริมาณเยอะ ทำให้ยิ่งกินเยอะ ถ้าอาหารเยอะควรตักแบ่งออกมากิน
ไม่ว่าเราจะตั้งใจออกกำลังกายมากเพียงใด แต่ถ้าความสมดุลของโภชนาการไม่ดี ก็ไม่อาจสร้างรูปร่างที่ต้องการได้ ยิ่งออกกำลังกาย ก็ยิ่งต้องกินอาหารอย่างชาญฉลาดและดูแลเรื่องสารอาหาร หากทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ก็จะสามารถลดความอ้วนได้อย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ ยิ่งเดินยิ่งผอมยิ่งสุขภาพดี / สำนักพิมพ์Amarin Health / คิมซารา:เขียน
ขอบคุณภาพประกอบจาก : istock
ที่มา http://women.sanook.com/45541/