คลั่งประกาศเป็นโจ๊กเกอร์!แฉมือปืนซื้อตั๋วเข้าโรงหนัง"โอบามา-โนแลน"ร่วมอาลัย
2012-07-23 15:02:01
Advertisement
คลิก!!!

ความคืบหน้าดคีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ มือปืนใจเหี้ยม กราดยิงผู้บริสุทธิ์ในโรงภาพยนตร์ ''เซ็นจูรี่ 16'' ที่กำลังนั่งชมหนังแบทแมน ''The Dark Knight Rises'' อยู่เต็มโรง จนมีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บกว่า 59 คน ที่เมืองออโรร่า, โคโลราโด คืนวันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม ล่าสุดมีการเผยว่า โจรโหดเตรียมตัวอย่างดี ทั้งการสะสมอาวุธ ตลอดจนการวางแผนอย่างเลือดเย็น ซื้อตั๋วเข้าไปนั่งดูในโรงหนัง ก่อนแวบออกไป แล้วแปลงร่างกลับมาเป็นวายร้ายอย่างที่บอกกับตำรวจตอนโดนจับว่าเขาคือ ''โจ๊กเกอร์!'' โดยตอนนี้ถูกคุมขังที่เรือนจำอาราปาโฮ เคาน์ตี้ ในโคโลราโด และจะขึ้นศาลวันจันทร์ที่จะถึงนี้
เจมส์ โฮล์มส์ ผู้ต้องสงสัย ก่อคดีสะเทือนขวัญจากการบุกเข้าไปกราดกระสุนใส่ประชาชนตาดำๆ กลางโรงภาพยนตร์ เซ็นจูรี่ 16 ในเมืองออโรร่า รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างการประเดิมฉายหนังซูเปอร์ฮีโร่ ''แบทแมน เดอะ ดาร์ค ไนท์ ไรส์'' กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม ในเวลาราว 00.30 น. โดยละเอียดล่าสุดในการก่อเหตุนั้น มีการเผยว่า โฮล์มส์ซื้อตั๋วภาพยนตร์เหมือนชาวบ้านชาวช่อง และเข้าไปนั่งอยู่ในโรงราวๆ 20 นาที
จากนั้นเขาลุกขึ้น และเดินออกไปทางประตูทางหนีไฟ เชื่อว่าเขาเดินกลับไปที่รถ และขับมันมาจอดตรงประตูที่ออกมา ภายในรถอุดมไปด้วยอาวุธสังหาร ปืน 4 กระบอก แบ่งเป็น ปืนไรเฟิล AR15, ปืนลูกซองเรมิงตัน และ ปืนกล็อก 2 กระบอก จากนั้น โฮล์มส์ในชุดเต็มยศ หมวกเหล็ก, เสื้อเกราะกันกระสุน, อุปกรณ์ป้องกันลำคอ, สวมหน้ากากกันแก๊ส และถุงมือสีดำ ก็โผล่เข้ามาทางประตูทางออก ที่แถวล่างสุด หน้าจอ
โฮล์มส์ขว้างระเบิดควันออกมา รอมันทำงาน พอควันคลุ้งกระจาย เขาก็เปิดฉากกราดยิงทันที จากนั้นก็ค่อยๆ เดินขึ้นมาแถวบนตามช่องทางเดิน และยิงมั่วไปหมด ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน แต่เดชะบุญที่สุดท้ายมีการยืนยันว่ามีคนเสียชีวิตเพียง 12 คน เหยื่อเด็กสุดอายุ 12 ปี แต่บาดเจ็บอีกกว่าครึ่งร้อย หนึ่งในนั้นมีทารกน้อยอายุเพียง 3 เดือน ที่เชื่อว่าถูกยิงเข้าไปกลางหลัง !
กระทรวงมหาดไทยสหรัฐฯ เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บไป 3 นาย โดยโฮล์มส์ ถูกจับที่ลานจอดรถ ซึ่งเขายอมมอบตัวแต่โดยดี ไม่มีอาการขัดขืน แถมบอกด้วยว่า ที่ห้องพักของเขาในอะพาร์ตเมนต์ที่นอร์ทออโรร่ามีระเบิดติดตั้งอยู่ด้วย โดย เรย์ เคลลี่ ผู้กำกับสน.นิวยอร์ก กล่าวว่า ''เราได้รับข้อมูลบางอย่างมาแล้ว ส่วนใหญ่มาจากประชาชน มันชัดเจนแล้วว่านี่เป็นการก่อเหตุบ้าคลั่งด้วยตัวคนเดียว เขาย้อมผมสีแดง และบอกว่าเขาคือ - โจ๊กเกอร์- ซึ่งเป็นศัตรูของแบทแมน''
แดน โอตส์ สารวัตร สน.ออโรร่า เล่าถึงการบุกอะพาร์ตเมนต์ของโฮล์มส์ที่อยู่ใกล้กับศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเดนเวอร์ ว่าปัญหาหลักคือทำยังไงพวกเขาจะเข้าไปข้างในได้อย่างปลอดภัย เพราะพบว่า ภายในห้องของโฮล์มส์ เต็มไปด้วยสารเคมี ลวดกับดัก ขวดบรรจุกระสุนปืน ทำให้พวกเขาต้องทำการอพยพประชาชนในละแวกอาศัยดังกล่าวออกไป นอกจากนี้ยังมีการค้นหาระเบิดไปทั่วโรงหนังด้วย
เพิ่งโพสต์ลงเว็บหาคู่นอน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังสืบสวนข้อมูลจากเว็บไซต์หาคู่นอน ''อดัลต์เฟรนด์ไฟเดอร์'' ที่คาดว่าเป็นโพสต์ของ เจมส์ โฮล์มส์ ที่ใช้ภาพเป็นผู้ชายยอมผมแดง ใช้ชื่อแฝงว่า ''คลาสสิก จิมโบ้'' อายุ 24 ปี มองหาคู่นอน แถมบอกด้วยว่า ''จะไปเยี่ยมผมในคุกหรือเปล่า ?'' โดยผมสีแดง ตรงกับรูปพรรณของโฮล์มส์ตอนโดนจับ ซึ่งผู้กำกับ เรย์ เคลลี่ แห่งสน.นิวยอร์ก ก็บอกว่า โฮล์มส์ ย้อมผมมา
ยูสเซอร์ที่ยอมรับว่า ไม่ได้มีเจ้าโลกใหญ่โต เขียนว่า เขามองหาสาวๆ เพื่อมีเพศสัมพันธ์ แถมบอกว่า ตัวเองเป็นคนนิสัยดี ส่วนการศึกษาเขาบอกว่าเรียนมหาวิทยาลัยมาบ้าง ซึ่งก็ตรงกับที่ข้อมูลบอกว่า โฮล์มส์ดร็อปจากการเรียนด็อกเตอร์สาขาเกี่ยวกับประสาทวิทยา โดยยูสเซอร์ ''คลาสสิกจิมโบ้'' สร้างแอกเคานต์ตัวเองขึ้นมาวันที่ 5 กรกฎาคม และครั้งสุดท้ายที่ลงชื่อล็อกอินคือเมื่อวันอังคารที่ 17 ก.ค. นี่เอง
พยานเล่าเหตุระทึก
อีริค ฮันเตอร์ หนุ่มวัย 23 ปี รอดชีวิตมาเล่าให้ฟังว่า เขากับเพื่อนๆ รีบวิ่งไปที่ประตูทางออกทันทีที่เห็นควัน และได้ยินเสียงปืน ซึ่งพอพวกเขาไปถึง และเปิดประตูได้ เขามองไปเห็นผู้หญิงวัยรุ่น 2 คน ซึ่งคนหนึ่งโดนยิงกรอกปาก และขณะกำลังจะปิดประตูก็มองเห็นโจรเหี้ยม ที่แต่งชุดเกราะเต็มยศ เล็งมาที่พวกเขา ทำให้รีบปิดประตู และมีเสียงกระสุนดังกระทบประตูนานร่วม 10 วินาที ด้วยความกลัว เขาเลยรีบหนีออกจากโรงหนัง
เจมี่ รอห์ส และ แพทริเซีย เลเการ์เรเต้ คู่หมั้น เป็นอีกคู่ที่โชคดี พวกเขามากับลูกสาววัย 4 ขวบ และลูกชายวัย 4 เดือน และตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งตรงประตูทางออกฉุกเฉินที่โฮล์มส์โผล่ออกมาในชั้นแรก แต่พวกเขาเปลี่ยนใจไปนั่งตรงชั้นสอง โดยพวกเขาปลอดภัยหมด เจมี่พลัดหลงกับลูกชายวัย 4 เดือน และหนีออกไปได้ก่อน ส่วนภรรยา ถูกยิงเข้าไปที่ขา ถึงกระนั้นด้วยพลังรักของความเป็นแม่ เธอยังพาลูกสาว และลูกชายออกมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งหมดมาเจอกันอีกครั้งนอกโรงภาพยนตร์ หลังจากเจมี่ ขับรถตระเวนหาคนรักไปรอบๆ แถวนั้น ก่อนที่แพทริเซียจะโทร.หาเขา
เบรนท์ โลวัค เล่าจากเตียงพยาบาล หลังเขารอดตาย แต่ เจสซิก้า กาวี่ นักข่าวดาวรุ่งวัย 24 ปี เพื่อนหญิงที่ไปด้วยกัน ถูกยิงต่อหน้าต่อตา โดย จอร์แดน พี่ชายวัย 26 ปีของฝ่ายหญิง ที่เป็นนักดับเพลิง เล่าอีกทอดว่า ทั้งสองคนไปดูหนัง และนั่งตรงกลางโรง โดยพอเกิดเหตุการณ์ขึ้น พวกเขาพยายามนอนหมอบหลบกระสุน จากนั้นเบรนท์ได้ยินเสียงเจสซิก้าร้อง และเห็นว่า เธอโดนยิงที่ขา เลยพยายามช่วยกดแผล และปลอบใจ แต่จากนั้นเขาก็โดนยิงที่ช่วงล่าง ถึงกระนั้นก็พยายามช่วยเจสซิก้าจนสังเกตว่า เพื่อนของเขาไม่ส่งเสียงแล้ว เลยรู้ว่าเสียชีวิต โดยมีแผลโดนยิงที่ศีรษะ จากนั้นเบรนท์ก็หาทางหนีออกมาจนได้ และโทร.ติดต่อแจ้งบ้านของเจสซิก้า
สะสมอาวุธ
อาวุธสังหารของโฮล์มส์ ที่คลั่งเกม ''กีตาร์ ฮีโร่'' นั้น สารวัตรโอตส์ บอกว่าซื้ออาวุธปืน 4 กระบอก คือ ปืนไรเฟิล AR-15, ปืนลูกซองเรมิงตัน และปืนกล็อก .40 คาลิเบอร์ 2 กระบอก ตลอดจนกระสุนปืนกว่า 6,000 นัด จากร้านขายอาวุธท้องถิ่น และจากทางอินเทอร์เน็ต แต่ที่น่าสนใจคือ สารวัตรโอตส์ ยอมรับว่า เท่าที่ตรวจสอบดูแล้ว โฮล์มส์สรรหาปืน และกระสุนมาแบบถูกกฎหมาย
แฉเป็นคนเก็บตัว
โฮล์มส์ที่จบมัธยมจากซานดิเอโก ปี 2006, จบป.ตรีจาก ม.แคลิฟอร์เนีย ที่ริเวอร์ไซด์ ปี 2010 และได้ลงทะเบียนเข้าศึกษาต่อปริญญาเอกสาขาประสาทวิทยา มหาวิทยาลัยโคโลราโด เดือนมิถุนายน 2011 แต่เพิ่งดร็อปออกมาไม่นาน โดยจากปากคำของเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน บอกว่าเขาเป็นพวกเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว โดย กาเบรียล มาเชียส ชาวเม็กซิกัน ที่เคยเห็นโฮล์มส์ถือปืนเดินไปมาระหว่างอะพาร์ตเมนต์ เล่าว่า ''เขาชอบสวมกางเกงลายทหาร และสวมหมวก เราไม่รู้จักเขานัก เพราะเขาไม่คุยกับใคร เขาชอบขังตัวเองอยู่ในห้อง''
ด้าน นักศึกษาที่บอกแค่ว่าชื่อ เบน ที่พักร่วมอะพาร์ตเมนต์เดียวกัน ซึ่งสงวนไว้เฉพาะนักเรียน และอาจารย์แพทย์ บอกว่า โฮล์มส์ชอบเก็บตัว และไม่เคยทักทายใคร แถมบอกด้วยว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้น เขาเพิ่งโทร.แจ้งความ เพราะรำคาญเสียงเพลงเทคโนที่เปิดดังซ้ำไปมาในห้องของโฮล์มส์ โดยเขาบอกว่า ไม่รู้ว่าเพลงอะไร แต่รู้แค่ว่า มันเป็นเพลงที่ถูกเปิดวนไปวนมาซ้ำหลายรอบ
ส่วน ทอม ไม เพื่อนบ้านที่ซานดิเอโก เล่าถึงโฮล์มส์ในความทรงจำว่า เป็นคนขี้อาย ไม่เข้าสังคม ถึงกระนั้น โฮล์มส์ไม่เคยมีประวัติทำความผิด นอกจากใบสั่งขับรถเร็วเกินกำหนด ปี 2011 ขณะที่เว็บไซต์ Mashable.com บอกว่าในโลกสังคมออนไลน์ โฮล์มส์ จัดเป็นพวก ''ไร้ตัวตน'' (ออนไลน์ โกสท์) คือ ไม่มีประวัติการใช้สื่อในสังคมออนไลน์ ทั้ง ทวิตเตอร์ หรือ เฟซบุ๊ก ทำให้ความสนใจไปตกอยู่กับคนที่มีชื่อคล้ายกันโดยปริยาย
บารัค-โนแลน นำขบวนไว้อาลัย
บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งต้องตื่นขึ้นมากลางคันที่ทำเนียบขาว พร้อมกับข่าวชวนเศร้าในครั้งนี้ กล่าวแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ''มิเชล (ภรรยาของโอบามา) และผมต่างก็ตกใจ และรู้สึกโศกเศร้าจากเหตุการณ์ยิงปืนที่ทั้งสะเทือนขวัญ และน่าสลดใจที่เกิดขึ้นในโคโลราโด ทางภาครัฐ และการบังคับใช้กฎหมายของท้องถิ่นจะยังคงมีผลอยู่ และรัฐบาลของผมจะทำทุกวิถีทางเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อให้ความช่วยเหลือกับผู้คนของออโรร่า ในช่วงเวลาอันยากลำบากเป็นพิเศษเช่นนี้ ตอนนี้เราจำเป็นต้องสมัครสมานสามัคคีกันในฐานะครอบครัวชนชาติอเมริกัน เหมือนกับเวลาที่เราเผชิญหน้ากับช่วงเวลาอันมืดมน และท้าทาย'' โอบามา เผย
คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับฯ แบทแมน ที่ล่าสุดมีข่าวว่า วอเนอร์ บราเธอร์ส พิจารณาจะตัดฉากยิงกันออกจากตัวอย่างหนัง กล่าวว่า ''ผมอยากแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในชุมชนออโรร่า ผมเชื่อว่าภาพยนตร์เป็นหนึ่งในงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกา และการมีประสบการณ์การรับชมเรื่องราวบนจอภาพยนตร์ร่วมกันก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข โรงภาพยนตร์เปรียบเหมือนบ้านของผม และความคิดที่ว่ามีคนก่อความรุนแรงในสถานที่บริสุทธิ์ และสงบสุขนับเป็นความเสียใจอย่างยิ่ง''
ด้านคนดังในวงการบันเทิงใช้ทวิตเตอร์ เว็บไซต์สังคมออนไลน์ยอดฮิต ต่างออกมาแสดงปฏิกิริยากับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่มือปืนบุกเข้ามากราดยิงผู้คนไม่เลือกหน้ากลางโรงภาพยนตร์ เซ็นจูรี่ เมืองออโรร่า รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างการประเดิมฉายหนังรอบมิดไนท์ ''เดอะ ดาร์ค ไนท์ ไรส์'' คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
บิลลี่ เรย์ ไซรัส นักร้องคันทรี บิดาของ ไมลี่ย์ ไซรัส ป็อปสตาร์ขวัญใจวัยรุ่น แสดงความเห็นว่า ''ไม่นะ ! ตอนตื่นขึ้นมา และได้ทราบข่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 14 คน (ความจริง 12 คน) และบาดเจ็บ 50 คน จากการยิงกันขณะฉายหนังแบทแมน ขอสวดอธิษฐานให้กับเหยื่อทุกคน มันช่างน่าเศร้าจริงๆ''
ขณะที่ อีวา ลองโกเรีย ดาราสาวชื่อดัง เผยว่า ''ฉันสงสารผู้คนที่โดนผลกระทบในออโรร่า ขอพระเจ้าสถิตอยู่ในเมืองและครอบครัวของพวกเขา'' ด้าน เคที่ คอริค ให้ความเห็นว่า ''การยิงกันที่โคโลราโด มันน่ากลัวเหลือเกิน เป็นข่าวที่เศร้ามากๆ''
มาร์ค บัลลาส ระบุว่า ''ตอนที่ได้ยินข่าวเหตุการณ์ยิงกันที่เดนเวอร์ ผมสวดอธิษฐานไปยังครอบครัวของพวกเขาทุกคน'' ด้าน เดวิด ฮาสเซลฮอฟ เปิดใจว่า ''ผมสงสารพ่อแม่ และเพื่อนๆ อันเป็นที่รักของผู้คนในโคโลราโด้ ได้โปรดหลับตา และสวดอธิษฐานให้กับพวกเขา !''
cr.http://www.siamdara.com
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X