ปิดตำนานเคาท์ดาวน์ปีใหม่
2012-04-20 11:21:14
Advertisement
Pyramid Game

ดิ๊ก คลาร์ก" พิธีกรชื่อดัง, ประธาน และซีอีโอของบริษัท Dick Clark Productions ผู้โด่งดังจากรายการเพลง American Bandstand ที่ออกอากาศนาน 3 ทศวรรษ และชาวอเมริกันคงจดจำเขาไปอีกนาน จากการทำหน้าที่ลั่นระฆังในวันปีใหม่ ผ่านรายการ Dick Clark's New Year's Rockin' Eve ได้สิ้นลมลงแล้ว ที่ ลอสแอนเจลิส ในวันที่ 18 เม.ย. จากอาการหัวใจวาย ขณะที่เขามีอายุได้ 82 ปี


เริ่มต้นจากงานวิทยุ

ดิ๊ก คลาร์ก เกิด และเติบโตขึ้นมาใน เมาท์ เวอร์นอน นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 1929 เป็นลูกชายของ จูเลีย ฟุลเลอร์ และ ริชาร์ด ออกัสตัส คลาร์ก เขายังมีพี่ชายอยู่อีกคนที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สองขณะที่น้องชายอย่างเขาอายุได้เพียง 16 ปี เท่านั้น

งานแรกในวงการสื่อสารมวลชนของ ดิ๊ก คลาร์ก ก็คือการทำหน้าที่ให้ห้องจดหมายของ WRUN สถานีวิทยุใน อัตติกา นิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานีวิทยุของลุง โดยพ่อของเขาเป็นผู้จัดการ ต่อมาเจ้าตัวจึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้รายงานสภาพอากาศ และผู้ประกาศตามลำดับ

หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีราคิวซ์ ในสาขาบริหารธุรกิจ คลาร์ก ก็เริ่มทำงานในสถานีโทรทัศน์ และวิทยุหลาย ๆ แห่ง จนมาปักหลักทำงานที่สถานีวิทยุ WFIL ในปี 1952 ซึ่งระหว่างทำงานที่นี่เขายังได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรตัวสำรองของ บ๊อบ ฮอร์น ในรายการเพลงชื่อดัง Bandstand ที่ออกอากาศในช่วงบ่ายทางสถานีโทรทัศน์ของ WFIL เป็นรายการที่เปิดนำเสนอเพลง และการเต้นรำของเด็กวัยรุ่น

American Bandstand นำแนะอเมริกันให้รู้จักร็อคแอนด์โรล

จนกระทั่งโอกาสของ คลาร์ก ก็มาถึงเมื่อ ฮอร์น ถูกจับกุมในคดีเมาแล้วขับ พิธีกรตัวสำรองจึงได้เลื่อนขั้นมาทำหน้าที่เต็มเวลาแทน

ต่อมาเมื่อรายการได้ปรับรูปแบบใหม่เพื่อออกอากาศทั่วประเทศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ABC นับตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. 1957 ภายใต้ชื่อใหม่ American Bandstand คลาร์ก ยังได้เริ่มช่วงการสัมภาษณ์ศิลปิน โดยมีราชาเพลงร็อคแอนด์โรล เอลวิส เพรสลี มาประเดิมเป็นคนแรก พร้อมช่วงต่าง ๆ ของรายการมากมาย

เขายังมีส่วนต่อสไตล์การแต่งตัวของวงดนตรี และเด็กวัยรุ่นในยุคนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใน American Bandstand และกลายเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ของวงการเพลง ก็คือการยกเลิกนโยบายที่อนุญาตให้เพียงศิลปินผิวขาวมาแสดงในรายการเท่านั้น แต่มีการเปิดโอกาสให้ศิลปินมากพรสวรรค์ผิวดำมาร่วมแสดงความสามารถด้วย

ภายใต้อิทธิพลการทำงานของเขา American Bandstand ได้กลายเป็นรายการเพลงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรายการหนึ่งของโทรทัศน์สหรัฐฯ ศิลปินมากมาย และทุกแนวทางได้มาฝากการแสดงอันเป็นประวัติศาสตร์ไว้ที่นี่ อาทิ ชัค แบร์รี, the Doors, the Beach Boys, Pink Floyd, สโมกกี โรบินสัน, ซอนนี แอนด์ แชร์, The Jackson 5, พรินซ์ และ Aerosmith เป็นต้น

จนรายการโทรทัศน์รายการนี้ได้รับการเชิดชูในฐานะหนึ่งในผู้มีส่วนแนะนำให้อเมริกันชนได้ทำความรู้จัก และยอมรับในร็อคแอนด์โรล เลยทีเดียว

ก้าวสู่ธุรกิจ - กับเรื่องอื้อฉาวในวงการเพลง

ความสำเร็จใน American Bandstand ทำให้ คลาร์ก ได้มีส่วนร่วมลงทุนในธุรกิจดนตรีมากขึ้น ทั้งการออกสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับดนตรี, ธุรกิจแผ่นเสียง, เริ่มเข้าไปดูแลจัดการงานให้ศิลปิน และจัดคอนเสิร์ตรวมถึงการแสดงในสถานที่ต่าง ๆ ด้วย

แต่แล้วในช่วงยุค 1960s คลาร์ก ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาว กับการสอบสวนของวุฒิสภาในธุรกิจดนตรี เกี่ยวกับประเด็นที่บริษัทค่ายเพลงต่างๆ จ่ายเงินให้กับบรรดาเจ้าของสื่อให้ช่วยส่งเสริมผลงานของพวกเขาเป็นพิเศษ ซึ่งในการสอบสวนพบว่า คลาร์ก ร่วมถือลิขสิทธิ์เพลงจำนวนมากกว่า 150 เพลง ที่ใช้ในรายการของเขาเอง ซึ่งตัวของพิธีกรคนดังยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็ยอมรับว่าเขาเคยได้รับของขวัญจำพวกเสื้อผ้าขนสัตว์ และเครื่องประดับจากบรรดาประธานบริษัทแผ่นเสียงอยู่บ้าง

ในท้ายที่สุดวุฒิสภาไม่พบว่า คลาร์ก กระทำการผิดกฏหมายใด ๆ แต่ทาง ABC ขอให้เขาขายหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ไป หรือไม่ก็ออกจากการทำงานในเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ไปเสีย เพื่อยุติการขัดกันของผลประโยชน์ เขาจึงเลือกที่จะขายหุ้นต่าง ๆ ทิ้ง และทำหน้าที่ใน American Bandstand ที่ไม่ได้รับผลจากเรื่องอื้อฉาวในวงการเพลงต่อไป

ความสำเร็จในวงการโทรทัศน์

ในปี 1964 คลาร์ก ย้ายรายการ American Bandstand จากฟิลาเดลเฟีย มาอยู่ที่ลอสแอนเจลิส และหันไปให้ความสนใจกับธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์มากขึ้น ภายใต้บริษัท Dick Clark Productions เขาได้สร้างรายการฮิตมากมาย อาทิ Where the Action Is,TV's Bloopers, Practical Jokes และล่าสุดกับรายการประกวดเต้นรำยอดฮิต So You Think You Can Dance

นอกจากนั้นเขาก็ยังมีส่วนสร้างภาพยนตร์ สำหรับออกฉายทางโทรทัศน์โดยเฉพาะ อาทิ Elvis, The Birth of the Beatles, Wild Streets และ The Savage Seven

ในเวลาเดียวกัน คลาร์ก ก็ยังไม่ทิ้งงานพิธีกร และทำหน้าที่ดำเนินรายการให้รายการอย่าง Pyramid, TV Bloopers, Scattergories, The Other Half และ Practical Jokes ที่เขาทำงานคู่กับ เอ็ด แม็คแมน นอกจากนั้นก็ยังจัดรายการวิทยุในรายการ The Dick Clark National Music Survey, Countdown America และ Rock, Roll & Remember ด้วย

ส่งท้ายปีเก่า ตอนรับปีใหม่กับ "ดิ๊ก คลาร์ก"

ในปี 1972 คลาร์ก ได้มีส่วนร่วมผลิต และเป็นพิธีกรให้กับ Dick Clark's New Year's Rockin' Eve รายการเพลงภาคพิเศษ ที่เป็นการนับถอยหลังเพื่อเข้าสู่ช่วงปีใหม่ โดยจะมีการนำเสนอเทปการแสดงของศิลปินต่าง ๆ ประกอบรายการด้วย

นับจากวันนั้น New Year's Rockin' Eve ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอเมริกันไปโดยปริยาย รายการจะออกอากาศทาง ABC ในทุก ๆ ปี จะมียกเว้นก็แต่ในช่วง 1999 - 2000 เท่านั้น ที่มีรายการพิเศษ ABC 2000Today ที่มี ปีเตอร์ เจนนิงส์ ดำเนินรายการมาออกอากาศแทน

แต่แล้วในปี 2004 คลาร์ก ต้องพลาดจากการทำหน้าที่ของเขา เพราะมีปัญหาสุขภาพจากโรคหลอดเลือดในสมองแบบไม่รุนแรง จนต้องมอบหน้าที่ให้กับ เรจีส ฟิลบิน มาทำหน้าที่แทนชั่วคราว ในปีต่อมาเขาจึงได้กลับมานับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ร่วมกับอเมริกันชนอีกครั้ง โดยมี ไรอัน ซีเครส ร่วมดำเนินรายการด้วย

เค้าลางแห่งการจากลา

ในวันนั้นผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพของ คลาร์ก ที่เขาแสดงอาการพูดไม่ชัด และหายใจไม่ค่อยทัน ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่ายังอยู่ในช่วงรักษาตัว แต่ก็ไม่อยากพลาดการถ่ายทอดสดไปถึงคนทั้งโลกในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ หลังจากนั้น ไรอัน ซีเครส จึงได้รับหน้าที่ดำเนินรายการในปีต่อ ๆ มาที่ใช้ชื่อว่า Dick Clark's New Year's Rockin' Eve with Ryan Seacrest แทน แต่ ดิ๊ก คลาร์ก ก็จะกลับมาทำหน้าที่ในช่วงการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ในทุก ๆ ปี

ตลอดชีวิตการทำงาน ดิ๊ก คลาร์ก ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติมากมาย รวมถึง 4 รางวัลเอมมี, รางวัลพิเศษเชิดชูการทำงานตลอดอาชีพของ เอมมี ภาคกลางวันในปี 1994 นอกจากนั้นชื่อของเขาก็ยังได้รับการบันทึกลงบนถนนเกียรติยศของฮอลลีวูดในปี 1976, หอเกียรติยศวงการวิทยุในปี 1990 รวมถึง หอเกียรติยศของร็อคแอนด์โรล และ หอเกียรติยศของสถาบันศิลปะและวิทยาการโทรทัศน์ ด้วย

ก่อนจะเสียชีวิต ดิ๊ก คลาร์ก ใช้ชีวิตคู่กับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก เครี วิกตัน มาถึง 35 ปีเต็ม หลังจากก่อนหน้านั้นเคยแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง และมีลูกทั้งหมด 3 คน โดยเป็นลูกที่เกิดจากภรรยา 2 คนแรก

สำหรับชาวอเมริกันจำนวนมากแล้ว การจากไปของ ดิ๊ก คลาร์ก ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าราวกับสูญเสียคนรู้จัก หรือคนในครอบครัว และอาจพูดได้ว่าสำหรับพวกเขา ปีใหม่จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

http://www.manager.co.th

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X