Review: How I Spent My Summer Vacation
2012-06-25 22:13:42
Advertisement
คลิก!!!

เมล กิ๊บสัน คงทำกรรมเอาไว้สักอย่าง หนัง Edge of Darknessที่เป็นการกลับมาคืนจอในบทนักแสดงหลังจาก The Singing Detective ในปี 2003 และได้มาร์ติน แคมป์เบลล์ มากำกับ ที่จัดว่าหน้าหนังดูดี แต่กลับล่มไม่เป็นท่าทั้งด้านรายได้และคำวิจารณ์ ครั้นกลับมาแสดงในบทที่เข้มข้นและได้รับคำชื่นชมอย่างมากในThe Beaver ของโจดี้ ฟอสเตอร์ เมื่อปี 2011 หนังก็กลับขาดทุนอีก เรื่องล่าสุดที่ออกฉายในปีนี้อย่าง How I Spent My Summer Vacation ก็กลับไม่ได้ฉายโรงในสหรัฐ ถูกนำออกมาฉายแบบเช่าให้ดูผ่านเน็ตแทน ยังโชคดีที่หนังยังได้ฉายแบบจำกัดโรงบ้างในบางประเทศ รวมถึงในบ้านเราครับ แต่อย่างไรก็ดี ถ้าดูที่ตัวหนังจริงๆแล้ว แม้ว่าหน้าหนังจะดูจืดๆ งานสร้างจะดูทุนต่ำ เนื้อเรื่องของหนังจะดูเชยๆ แต่กลายเป็นว่าเป็นหนังที่สนุก เมล กิ๊บสันแสดงเป็นพระเอกร้ายๆ ที่แสบๆคันๆ ได้อย่างมีเสน่ห์น่าติดตาม และชวนลุ้นตลอดว่าเขาจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์อีรุงตุงนังที่เขามีส่วนสร้างขึ้นได้ยังไง

How I Spent My Summer Vacation เป็นผลงานกำกับของเอเดรียน กรุนเบิร์ก ผู้กำกับหน้าใหม่ที่เคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในApocalypto และ Edge of Darkness มาก่อน ซึ่งแปลว่าเขามีความคุ้นเคยกับกิ๊บสันเป็นอย่างดี กิ๊บสันยังช่วยกรันเบิร์กเขียนบทในหนังเรื่องนี้ด้วย และแม้ว่าเราไม่รู้ว่าใครเขียนในส่วนไหนบ้าง แต่หนังมีบทสนทนาที่ดีและมีฉากสถานการณ์ที่สร้างสรรค์กับมุขตลกร้ายๆ ที่ดีทีเดียวครับ ทำให้หนังที่มีเนื้อเรื่องเชยๆ แบบหนังแอ็คชั่นยุค 70-80 ไม่มีความน่าสนใจในรายละเอียดของมัน และกลายเป็นหนังที่ให้ความบันเทิงแบบพักร้อนที่ดีเรื่องหนึ่งเลย

หนังเปิดเรื่องด้วยฉากของกิ๊บสัน ในบทของตัวละครที่ไร้ชื่อ แต่งตัวเป็นตัวตลก ที่กำลังขับรถหนีตำรวจเข้าสู่พรมแดนเม็กซิโก พร้อมเพื่อนที่แต่งเป็นตัวตลกอีกคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ในรถ ทั้งคู่หนีตำรวจไม่พ้น เพื่อนผู้สมรู้ร่วมคิดเสียเลือดจนตาย สองตำรวจเม็กซิกันฮุบเอาเงินของกลางไปเสวยสุข และพยายามขังลืมตัวละครของกิ๊บสันในคุกเม็กซิกัน

คุกแห่งนี้คือ “เอล พูบลิโต” ต่างจากคุกที่เราเห็นในหนังเรื่องอื่นๆ มันมีลักษณะคล้ายหมู่บ้านย่อมๆ ที่อยู่ภายในกำแพงสูงใหญ่ แม้จะมีพัศดีเป็นใหญ่เหมือนคุกทั่วไป แต่คนที่ใหญ่จริงในคุกคือฮาวี (แดเนียล จิเมเซ คาโช) เจ้าพ่อมาเฟียที่ถูกคุมขังอยู่ในนี้ แต่ยังคงบัญชาการกิจการนอกคุกผ่านทางตึกเพนท์เฮาส์ที่ให้เขาอยู่สบายได้แม้ถูกคุมขัง ตัวละครของกิ๊บสันพยายามไต่เต้าสถานะจากนักโทษคนหนึ่งเพื่อกลายเป็นลูกน้องของฮาวีผ่านเล่ห์กลของเขาและความช่วยเหลือของเจ้าหนูตัวแสบ (เควิน เฮอร์นันเดซ) เด็กวัย 13-14 ที่รู้จักกันในนั้น

เจ้าหนูคนนี้เป็นเด็กพิเศษที่ไม่มีใครกล้าแตะ ชอบสูบบุหรี่เป็นนิจ และมีแม่ทำงานเป็นโสเภณีคอยรับใช้แขกที่มาจากนอกคุกของฮาวี พ่อของเจ้าหนูเป็นนักโทษอยู่ในคุกนี้และตายอยู่ในนี้ ได้พาลูกเมียมาอยู่ในคุกด้วยซึ่งเรื่องราวต่อมาเผยว่าพ่อของเจ้าหนูตายเพราะฮาวีต้องการตับไปเปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดจากโรคตับแข็ง และไม่มีใครที่มีดีเอ็นเอตรงกันนอกจากของพ่อของเจ้าหนู และเจ้าหนูก็กำลังจะมีชะตากรรมคล้ายกัน เพราะฮาวีป่วยอีก และมีเจ้าหนูเพียงคนเดียวที่มีตับที่ฮาวีใช้ได้ จึงทำให้เราเข้าใจความแค้นที่คุกรุ่นอยู่ในใจของเด็กคนนี้ และทำไมเจ้าหนูคนนี้ถึงเป็นเด็กที่แกร่ง และสูบบุหรี่จัด เฮอร์นันเดซรับบทเป็นเจ้าหนูคนนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลื่นไหล มีเสน่ห์ชวนมาก และน่าสงสารไปพร้อมๆกัน เป็นตัวละครที่คนดูน่าจะหลงรัก และเสริมคุณค่าให้หนังทุนต่ำเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก

เรื่องราวเผยต่อมาเงินที่ตัวละครของกิ๊บสันปล้นมานั้นเป็นของแฟรงก์ (ปีเตอร์ สตอร์แมร์) มาเฟียแห่งชิคาโก ที่โหดและแสบไม่แพ้ใคร ได้ส่งลูกน้องมาทวงเงินและบุกเข้ามากราดยิงถึงในเรือนจำ ทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ไปอีกสำหรับตัวละครของกิ๊บสัน ผู้ซึ่งถูกฮาวีสั่งให้ไปกำจัดแฟรงก์ และอย่ากลับมาอีก เขาจึงจำเป็นต้องใช้เล่ห์เหลี่ยม“นอกกรอบ” ในการจัดการปัญหาทีละเปราะ ตั้งแต่ฆ่าแฟรงก์ เก็บมือปืนที่ฮาวีส่งมาเก็บเขาหลังจากงานเสร็จ หาทางกลับเข้าคุกอีกครั้งเพื่อช่วยเด็กกับแม่ ท่ามกลางสงครามในเรือนจำที่ทางการส่งกองกำลังมากวาดล้างแหล่งซ่องสุมของฮาวี และสุดท้ายยังต้องหาทางเอาเงินที่ขโมยมาไปด้วย

กิ๊บสันยังคงไม่ทิ้งลายในการสวมบทเป็นตัวละครแสบๆ เหลี่ยมจัด และทำให้เราสามารถเชื่อได้ว่าเขาจัดการแผนนอกกรอบที่คาดไม่ถึงเหล่านั้นได้ หนึ่งในแผนของเขาก็คือการปลอมตัวเป็นคลินท์ อีสต์วู้ด ที่กิ๊บสันสามารถทำให้เห็นได้ว่าตัวละครของเขาทำแบบนั้นหลอกคนให้เชื่อได้จริงๆ และแม้เราจะไม่รู้ภูมิหลังตัวละครนี้มากนัก กิ๊บสันก็สามารถถ่ายทอดผ่านการแสดงให้เห็นว่าเขาน่าจะมีประวัติเช่นเรามาก่อน เขาน่าจะเจอกับอะไรมาก่อนถึงได้กลายเป็นอย่างที่เขาเป็น และมีความเก๋าอย่างที่เขาทำได้อยู่ ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกไปตลอดเรื่อง

กรุนเบิร์กที่เพิ่งมากำกับหนังเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นหนังทุนต่ำ งานสร้างดูไม่ต่างจากหนังเกรดบี แต่สามารถคุมโทนโหดดิบได้เอาอยู่ ใส่ฉากรุนแรงในฉากที่ควรใส่ สร้างฉากแอ็คชั่นที่แม้ไม่ได้มีสไตล์เก๋ไก๋มาก แต่ก็ทำออกมาได้ระทึก และเล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตามครับ

หากว่าคุณกำลังหาหนังบู๊ที่ดูสนุกเรื่องหนึ่ง และยิ่งถ้าเป็นแฟนของเมล กิ๊บสัน ด้วยแล้ว How I Spent My Summer Vacation เป็นหนังที่คุณควรลองเข้าไปชม

jediyuth.wordpress.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X