“แบรนดี แกลนวิลล์” ม่ายสาวจาก Real Housewives of Beverly Hills ออกมาเผยถึงความโกรธเคืองของตนเองเมื่อครั้งเห็น “ลีแอน ไรมส์” นักร้องสาวชื่อดังที่แย่ง “เอ็ดดี ไซเบรียน” สามีไปจากเธอ กำลังออดอ้อนเขาพร้อมพาลูกนั่งตัก รับเคยคิดถึงขั้นอยากเข้าไปตบตีเธอเลยทีเดียว

แบรนดี ม่ายสาวสวยวัย 39 ปี ได้นึกย้อนถึงอดีตครั้งแรกที่เธอเห็นภาพบาดตาบาดใจเมื่อ ลีแอน นักร้องคันทรี วัย 29 ปี ไปดูเกมการแข่งขันฟุตบอลของลูกชายพร้อมเอ็ดดี ไซเบรียน อดีตสามีของเธอวัย 38 ปี

“ฉันจำได้ว่าเดินเข้าไปดูซ้อมบอล เห็นเธออยู่ที่นั่นด้วยพร้อมกับมีลูกฉันนั่งอยู่ที่ตัก ฉันเดือดเลือดพล่านเลย แล้วคิดแต่ว่าฉันจะเข้าไปฆ่าเธอ ฉันคิดจริงๆ ว่า ฉันจะเข้าไปทำร้ายร่างกายเธอ” ม่ายสาวบอกกับนิตยสาร NW ของออสเตรเลีย

“นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอแบบนั้น เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้สนามที่เคยเป็นของฉัน ใต้เต็นท์ของฉัน เธอเอาลูกฉันมานั่งตัก แล้วยังอยู่กับสามีฉันอีก นั่นมันก็เป็นแค่จังหวะเล็กๆ ตอนที่ฉันกำลังเดือดสุดๆ”

ทาง เรดาร์ ออนไลน์ ยังระบุด้วยว่า ลีแอน ได้ถอนคำสั่งยับยั้งแบรนดีออกไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ เธอออกอาการหลอนกับคำสัมภาษณ์ของอดีตภรรยาที่ทำให้เธอออกอาการกลัว

เอ็ดดี ไซเบรียน ทิ้ง แบรนดี ไปเมื่อปี 2009 หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานอยู่กินกันมาได้เกือบสิบปี โดยการหย่าขาดกันครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งมีสื่อแท็บลอยด์ เผยภาพจากกล้องวงจรปิด ที่พบว่า ลีแอน ไรมส์ นอกใจสามีมาจู๋จี๋นอกจอกับ เอ็ดดี ไซเบรียน ที่นอกใจภรรยาเช่นกัน หลังจากที่ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันในเรื่อง Nothern Lights

เอ็ดดี และ แบรนดี มีลูกด้วยกัน 2 คน คือ เมสัน วัย 8 ปี และ เจค วัย 5 ปี โดยรายงานระบุว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ของภรรยาเก่าและใหม่ต่างก็เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว

“เราไม่เคยสนิทถึงขั้นเป็นเพื่อนที่ซี้กันสุดๆ แต่เป็นเพราะเธอดีกับลูกๆ ฉัน พวกเด็กๆ รักเธอและนั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ” แบรนดี กล่าว

“ถ้าพวกเด็กๆ ไม่ชอบเธอ ฉันคงจะร้องเรียนต่อศาลและต่อสู้ขอสิทธิ์เลี้ยงดู มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับฉัน แต่เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กๆ ล้วนๆ”

แบรนดี เองยอมรับด้วยว่า เธอรู้สึกขุ่นเคืองเหมือนกัน ที่อดีตสามีและภรรยาใหม่ ที่เพิ่งเข้าพิธีสาบานรักกันไปเนื่องจากครบรอบแต่งงานหนึ่งปี ได้ขัดขวางไม่ยอมให้ลูกๆของเธอ ปรากฏตัวในรายการ Real Housewives

“ตีสองหน้าเสแสร้งได้อย่างเหลือเชื่อ เอ็ดดี คัดค้านไม่ให้ถ่ายทำลูกๆ ฉันในรายการที่ฉันออก แต่เขาปล่อยให้สาธารณะได้เห็นว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร”

ข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th