เมื่อปี 2017 สำนักข่าว CNN ได้เขียนบทความชื่อว่า ’50 เหตุผลที่ทำให้โซลกลายเป็นเมื่อที่ดีที่สุดในโลก’ หลายคนอาจคิดว่าจะมีแค่อาหารและสถานที่ที่สวยงามในโซลที่ถูกพูดถึง แต่นอกจากเรื่องเหล่านี้แล้ว บทความยังได้กล่าวถึงศิลปินเคป็อป...เพียงคนเดียว นั่นก็คือ จี-ดราก้อน (G-Dragon) ซึ่งเราคงไม่ต้องแนะนำเขาให้มากมาย แต่เอาเป็นว่าเผื่อในกรณีที่คุณไม่รู้จักเขา (จริงดิ?!) เราจะขอแนะนำเขาให้คุณรู้จักกันอีกซักครั้ง รวมถึงอิทธิพล และความร่ำรวยของเขา

จี-ดราก้อน ซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการเคป็อป

จี-ดราก้อน หรือ ชื่อจริง ควอนจียง (Kwon Ji Yong) เริ่มต้นเส้นทางความฝันในการเป็นศิลปินตั้งแต่ตอนที่เขาอายุ 6 ขวบ หลังจากฝึกฝนหลายปี เขาได้เดบิวต์ในฐานะสมาชิกวง BIGBANG เมื่อปี 2006 ตั้งแต่นั้นพวกเขาประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘ราชาแห่งวงการเคป็อป’ เมื่อปี 2012 พวกเขาได้รับการพูดถึงใน The New York Times ซึ่งไอดอลเคป็อปในยุคนั้นแทบจะไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ความนิยมของ BIGBANG มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขามีคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ ยอดขายอัลบั้มกว่า 140 ล้านทั่วโลก คิดเป็นมูลค่าประมาณ 989 ล้านบาท ในปี 2016 ตามรายงานของ The Korea Herald

นอกจากจะประสบความสำเร็จในฐานะวงแล้ว จี-ดราก้อนยังประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว เขามีเวิลด์ทัวร์ Act III: MOTTE ที่ถูกบันทึกว่าเป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตใหญ่ที่สุดของศิลปินเดี่ยวเกาหลี เพลงของเขาอยู่ในอันดับท็อปของชาร์ต นอกจากจะเป็นศิลปินที่ขึ้นแสดงบนเวทีแล้ว เขายังเป็นนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ มีรายงานว่าเขาได้รับค่าลิขสิทธิ์เพลงต่อปีเป็นมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท

จี-ดราก้อนคือผู้นำแฟชั่น

นอกจากจะเป็นที่จดจำในฐานะศิลปินในวงการเพลงแล้ว จี-ดราก้อนยังเป็นไอค่อนด้านแฟชั่น เขามีรสนิยมการแต่งตัวที่ไม่เหมือนใครและสไตล์ที่ล้ำจนเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นทรงผมหลากสี, การหยิบเสื้อผ้าผู้หญิงมาสวมใส่ และการมิกซ์แอนด์แมทช์ที่ไม่ว่าจะลุคไหนก็โดดเด่นเป็นที่จับตามอง

เมื่อปี 2016, จีดีได้เปิดตัวแบรนด์แฟชั่นของตัวเอง PEACEMINUSONE ซึ่งคอลเลคชั่นลิมิเต็ดของเขาขายหมดเกลี้ยง คิดตามเล่นๆว่า เสื้อแจ็คเก็ตเดนิมราคาตัวละประมาณ 20,000 บาท, คลิปหนีบ Bulldog Clips ที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ราคาประมาณ 1,000 บาทสำหรับ 1 คู่ คิดว่าเขาจะได้รายได้จากการขายของเหล่านี้ไปเท่าไหร่

จี-ดราก้อนเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการออกแบบ เขาเคยใช้แฟลชไดรฟ์แทนซีดีอัลบั้มของตัวเอง โดยสีแดงที่เคลือบแฟลชไดรฟ์สามารถหลุดลอกออกได้ ตอนแรกแฟนคลับต่างตกใจ แต่ YG Entertainment ได้ออกมาอธิบายถึงเรื่องนี้ว่า “แทนที่จะใช้สีที่ติดทนเคลือบ USB, YG เลือกใช้สีที่สามารถทำให้เกิดรอยเปื้อน และรอยขูดขีด ซึ่งจี-ดราก้อนอยากให้ออกมาในคอมเซ็ปต์ของการเกิด ข้อความบน USB เขียนว่า ‘ควอนจียง เลือดกรุ๊ป A,18 สิงหาคม 1988” ซึ่งเป็นลายมือของแม่ของจี-ดราก้อนที่เขียนไว้ตอนเข้าเกิด

จี-ดราก้อนคือคนที่แบรนด์สินค้าอยากร่วมงานด้วย

เขาเคยร่วมงานกับแบรนด์ชื่อดังทั้ง Chanel, Nike และ AirBnB ค่าตัวของเขาสำหรับงานโฆษณาน่าจะประมาณ 59 ล้านบาท อาจจะดูเป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่เมื่อเทียบกับความนิยมของเขา ที่เป็นไอดอลที่มีผู้ติดตามมากที่สุดบน Twitter ก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
เขาเคยร่วมงานกับ Nike ออกคอลเลคชั่น Air Force 1 PARA-NOISE เมื่อปี 2019 ซึ่งขายหมดภายใน 30 นาที แต่ละคู่ที่มูลค่าประมาณ 5,900 บาท 

เดือนพฤศจิกายน ปี 2020 จีดีขึ้นปก Vogue ในแฟชั่นของ Chanel นิตยสารฉบับนี้มียอดขายมากกว่า 28,000 ฉบับภายใน 3 วันแรกที่วางแผง!

เขาถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่าจี-ดราก้อนได้ซื้อเพนท์เฮ้าส์ราคาประมาณ 238 ล้านบาท

นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของตึก และคาเฟ่ 2 แห่งที่เกาะเชจู มีรายงานว่าคาเฟ่ 1 แห่งมีรายได้ประมาณ 414,000 บาทต่อวัน ส่วนด้านอสังหาริมทรัพย์ เขาได้ซื้อตึก Alice In Wonderland ในชองดัม ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 238 ล้านบาท รวมถึง ตึก Galleria Foret ราคาประมาณ 804 ล้านบาท
 

จี-ดราก้อนยังเป็นเจ้าของรถหรู Lamborghini มูลค่าประมาณ 14 ล้านบาท และมีเคสไอโฟนทำจากทองคำที่มูลค่ามากกว่าโทรศัพท์เสียอีก นอกจากนี้เขายังถือบัตรเครดิต Black Card 

เขาคือราชาที่แท้จริง

จี-ดราก้อนซื้อโรงแรมแบบบำนาญมูลค่า 27 ล้านบาทให้พ่อแม่ และบริจาคเงินประมาณ 2.6 ล้านบาทให้แก่โรงพยาบาลเด็กแห่งชาติโซล รวมถึงอีก 2.4 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ส่วนในวันเกิดของเขาแฟนคลับได้บริจาคเงินจำนวน 596,000 บาทให้แก่โรงพยาบาล โดยมีจี-ดราก้อนร่วมสมทบทุนอีกประมาณ 1.4 ล้านบาท

สรุปความร่ำรวยของ จี-ดราก้อน

จากรายงานเปิดเผยว่า เขาคือท็อป 3 ของไอดอลเคป็อปที่ร่ำรวยที่สุด โดยมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท

จี-ดราก้อนคือศิลปินที่เคยตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์หลายครั้ง แต่เขาก็ยังคงโดดเด่นในวงการ และประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ เบื้องหลังความสำเร็จของเขาคือความตั้งใจในการทำงาน ทุ่มเทกับผลงาน เขาคือคนที่ต้องยอมรับว่าเป็น ‘ราชาแห่งวงการเคป็อป’