คิมอูบิน พูดถึงการเริ่มต้นบทต่อไปของชีวิตเขาด้วยความคิดแบบใหม่และการกลับมามีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกหลังจากพักงานไป 4 ปี
2020-06-20 17:39:25
Advertisement
คลิก!!!

คิมอูบิน (Kim Woo Bin) ได้มาถ่ายแบบขึ้นปกให้กับนิตยสาร Esquire Korea ฉบับเดือนกรกฎาคม และเขาได้มานั่งให้สัมภาษณ์กับนิตยสารถึงเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพของเขา, ความคิดแบบใหม่ของเขาและอื่นๆ อีกมากมาย

ในหัวข้อเรื่องที่ว่าเขารู้สึกอย่างไรที่ได้มาให้สัมภาษณ์ครั้งแรกในรอบ 5 ปี คิมอูบินบอกว่า “พอคุณบอกว่ามันผ่านมา 5 ปีแล้วก็ทำให้ผมได้รู้ว่ามันผ่านมานานมากจริงๆ ครับ แต่ความจริงแล้วมันก็ดูเหมือนไม่ได้นานขนาดนั้น ผมคิดว่ามันอาจจะมีความรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ตอนนี้ที่ผมได้มาเจอคุณ ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยครับ มันคือความรู้สึกแบบเดียวกับการถ่ายภาพยนตร์ของผม ตอนแรกผมรู้สึกประหม่ามากเพราะมันผ่านมานานมาก แต่เมื่อผมได้ไปที่กองถ่าย ผมก็คิดกับตัวเองว่า ‘มันไม่ได้รู้สึกไม่คุ้นเคยเหมือนกับที่ผมคิดไว้’ ครับ”

ผู้สัมภาษณ์พูดคุยกับคิมอูบินว่าในขณะที่เขาเริ่มต้นอาชีพของเขาในฐานะนายแบบ แต่เขาก็ไม่ได้ถ่ายแบบมากนักหลังจากมาเป็นนักแสดง

“เป็นเรื่องจริงครับ ผมถ่ายแบบน้อยกว่าที่ผมคิดไว้ครับ” เขาบอก “มีหลายปีที่ผมไม่สามารถทำได้เช่นกันครับ และบางครั้งผมก็กำลังทำงานอื่นและไม่สามารถหยุดพักได้ ดังนั้นนั่นคือเหตุผลสำหรับในเรื่องนั้นครับ ความจริงตั้งแต่ผมเริ่มทำงานในฐานะนายแบบ การถ่ายแบบก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้กลับไปที่บ้านเกิดครับ ดังนั้นผมจึงอยากทำงานถ่ายแบบที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นนิดหน่อยครับ”

มีการกล่าวไว้ว่าคิมอูบินจะได้กลับมาเจอกับแฟนๆ ผ่านผลงานภาพยนตร์ใหม่ของเขา และเขาก็ถูกถามว่าเขามีแผนหรือการเตรียมตัวอะไรไว้โดยเฉพาะไหม

“ไม่มีอะไรที่แตกต่างกันโดยเฉพาะครับ” เขาบอก “เนื่องจากมันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทุ่มเทตัวเองให้กับผลงานของผม ผมจึงใส่ความคิดลงไปมากเท่าที่ผมจะทำได้ครับ ผมคุยกับผู้กำกับเยอะมากเพื่อให้มั่นใจว่าภาพยนตร์จะออกมาดี และผมคุยกับนักแสดงคนอื่นๆ ในกองถ่ายเยอะมากเช่นกันครับ สิ่งเดียวที่อาจจะเป็นแบบนั้นก็คือความคิดของผมค่อนข้างแตกต่างไปนิดหน่อยครับ ผมควรเรียกมันว่าอะไรดี ผมคิดว่าผมมีพลังงานที่ดีเยอะมากครับ เนื่องจากผมจะได้เจอกับแฟนๆ เป็นครั้งแรกผ่านผลงานหลังจากผ่านมานาน ผมรู้สึกขอบคุณและตื่นเต้นกับแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว หลังๆ มานี้ผมสนุกกับการไปกองถ่ายครับ”

มีการชี้ให้นักแสดงหนุ่มเห็นว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขามากนักนอกจากบทความที่บอกว่าเป็น “ภาพยนตร์ไซไฟอาชญากรรมเกี่ยวกับเอเลี่ยนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีในยุคสมัยใหม่” คิมอูบินจึงตอบว่า “ทั้งหมดที่ผมสามารถพูดได้ก็คือ ‘มันเป็นภาพยนตร์ไซไฟอาชญากรรมเกี่ยวกับเอเลี่ยน’ ครับ”

นักแสดงหนุ่มได้จัดงานแฟนมีทติ้งในช่วงสิ้นปีของปีที่แล้วด้วย “มันเยี่ยมมากเลยครับ” เขาพูดถึงงานนั้น “ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ และผมรู้สึกเหมือนผมได้เจอกับคนที่อยู่ข้างผมอย่างแท้จริง เนื่องจากมันเป็นงานที่ทุกคนที่มาร่วมงานคือคนที่รอผมจริงๆ ครับ”

เมื่อให้เขาบอกถึงเสน่ห์ของตัวเองในฐานะนักแสดง คิมอูบินบอกว่า “บางทีอาจจะเป็นเพราะผมดูเป็นเอกลักษณ์นิดหน่อยละมั้งครับ? มีคนที่สวยงามและหล่ออีกหลายคน แต่ผมคิดว่าผมดูมีเอกลักษณ์นิดหน่อย และผมคิดว่านั่นคือเหตุผลที่เหล่าผู้กำกับชอบผมตั้งแต่ผมยังเด็กครับ”

ผู้สัมภาษณ์แนะนำว่านั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับบทอาชญากรเยอะมาก และคิมอูบินพูดพร้อมเสียงหัวเราะว่ามี 5 หรือ 6 ครั้งที่เขาเล่นเป็นตัวละครที่ต่อสู้เก่งที่สุดในโรงเรียน “ผมอยากแสดงบทที่แตกต่างไปจากนั้นนิดหน่อยเหมือนกันครับ” เขาบอก

เมื่อผู้สัมภาษณ์บอกว่าเขาได้ยินมาว่าคิมอูบินไม่ใช่คนประเภทที่จะต่อสู้ที่โรงเรียน คิมอูบินก็ตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า “ผมไม่ใช่คนที่ต่อสู้เก่งที่สุดในโรงเรียนครับ”

ในเรื่องนิสัยที่แตกต่าง คิมอูบินบอกว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรครับ ผมไม่เคยหนีออกจากบ้านหรืออะไรแบบนั้น แต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่ใช่นักเรียนตัวอย่าง ผมคิดว่าเหมือนผมจะอยู่ตรงกึ่งกลางละมั้งครับ?”

ในหัวข้อตัวละครไหนของเขาที่คล้ายคลึงกับเขามากที่สุด คิมอูบินบอกว่า “มีตัวตนของผมจำนวนเท่าๆ กันอยู่ในทุกบทบาทของผมครับ และเมื่อเวลาผ่านไปผมก็คิดว่าขอบเขตมันมีการเปลี่ยนแปลงไปครับ เปรียบเทียบกับตัวผมตอนที่อยู่ในอายุช่วง 20 ปี ชีวิตจริงของผมตอนนี้เป็นอะไรที่สงบมากขึ้นครับ บางทีอาจจะเป็นเพราะผมได้พักผ่อนมาซักพัก ตอนนี้ผมหาข้อมูลแม้แต่เรื่องต้นไม้ที่อยู่หน้าบ้านของผมครับ เมื่อก่อนผมไม่รู้เลยว่าต้นไม้ที่อยู่หน้าบ้านของผมคือต้นอะไรและไม่แม้แต่จะสนใจมันด้วยครับ และผมก็เคยเกลียดการไปภูเขามากด้วยครับ”

ผู้สัมภาษณ์บอกว่านั่นอาจจะเป็นเพราะเขาเริ่มอายุมากขึ้น แทนที่จะเป็นเพราะเขาพักผ่อนมา และพูดถึงเพื่อนช่างภาพที่เปลี่ยนจากการถ่ายภาพแต่นายแบบมาเป็นเน้นการถ่ายดอกไม้แทน

“ผมไม่เคยมีความสนใจในเรื่องดอกไม้หรือต้นไม้เลยครับ แต่ตอนนี้ผมชอบพวกมันครับ” คิมอูบินตอบ “และผมก็ชอบการหาข้อมูลว่ามันคือดอกไม้หรือต้นไม้อะไร เมื่อก่อนผมไม่ได้เป็นแบบนี้ครับ แต่ผมใช้แอพเพื่อค้นหาว่าต้นไม้ที่ผมได้เห็นทุกวันหน้าบ้านของผมคือต้นอะไร” เขาบอกว่าแอพพลิเคชั่นนั้นชื่อ “Moyamo”

“สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับแอพนี้ก็คือคุณสามารถถ่ายรูปและอัพโหลดรูปขึ้นไป ผู้ใช้งานหลายๆ คนก็จะมาตอบภายใน 5 นาทีครับ” เขาบอก “ผมแค่ต้องกดปุ่มต่างๆ เพื่อให้ได้คำตอบ ดังนั้นเมื่อผมได้คำตอบผมก็จะ ‘โอ้ นี่คือดอกไลแลคนี่เอง’ ผมเคยได้ยินชื่อไลแลคมาก่อนแต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่ามันหน้าตาเป็นยังไง”

เมื่อผู้สัมภาษณ์เล่าว่าเขาเริ่มสนใจเรื่องดอกไม้เหมือนกันในช่วงปลายของชีวิต คิมอูบินจึงบอกว่า “ผมรู้แล้วครับ งั้นมันคงเป็นเพราะผมอายุมากขึ้น แต่ผมสนุกไปกับมันจริงๆ ครับ ตอนที่ผมได้เห็นฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไป ผมก็คิดว่า ‘เดือนนี้ ดอกไม้นั้นดอกไม้นี้จะบาน’ ผมคิดว่า ‘ถึงเดือนเดือนเมษายนแล้ว งั้นดอกไลแลคก็จะบานแล้ว ผมจะสามารถได้กลิ่นของพวกมันแล้ว’ มันเป็นความรู้สึกของการรอคอยครับ แบบ ‘อีกไม่นานก็จะมีลูกพลัมบนต้นพลัมแล้ว’”

ต่อมาคิมอูบินบอกว่าในขณะที่ตัวละครอย่าง “นักต่อสู้ที่เก่งที่สุดในโรงเรียน” ไม่เหมือนกับเขา แต่เขาก็สนุกไปกับบทบาทนั้น เขาบอกว่า “เนื่องจากผมใช้ชีวิตในช่วงวัย 20 ไปแบบนั้น ผมสงสัยว่าถ้าตอนนี้ในช่วงวัย 30 ผมจะสามารถแสดงออกถึงความคิดที่สดใสและใบหน้าที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยครับ”

เมื่อถามว่าเขารู้สึกเหมือนเป็น “คิมอูบินพาร์ท 2” ไหม คิมอูบินตอบว่า “ใช่ครับ เนื่องจากความคิดของผมเปลี่ยนไป ผมไม่รู้สึกเครียดแล้วครับในช่วงหลังๆ ผมทำได้ดีมากในช่วงนี้ครับ”

ผู้สัมภาษณ์ถามว่าเขาในวัย 20 เป็นเหมือนฝันร้ายไหมเมื่อมองกลับไปเรื่องจากความทะเยอทะยานและเรื่องต่างๆ มากมายที่อยู่ในใจของเขา

“แต่วัย 20 ของผมก็ยังยอดเยี่ยมเช่นกันครับ เนื่องจากผมยุ่งมากและใช้ชีวิตอย่างเข้มข้น” เขาบอก “มีจุดหนึ่งในอดีตที่ผมใช้ชีวิตในซาวน่าเลยครับ ผมไม่มีเงินตอนที่ผมอายุ 20 ปีและผมไม่อยากขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ ผมเลยอาศัยอยู่ที่ซาวน่า แต่ผมก็สนุกกับวันเหล่านั้นเหมือนกันครับ มีบางอย่างที่ผมตระหนักได้ เนื่องจากผมได้พักผ่อนและมองย้อนกลับไปในช่วงนั้น ผมได้รู้ว่าตอนที่ผมอยู่ในช่วงวัย 20 ผมไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ผมเข้มงวดกับตัวเองมากและใช้ชีวิตเพื่อไล่ตามเป้าหมายของตัวเองครับ”

“ผมคิดว่าผมไม่สามารถสนุกไปกับปัจจุบันได้จริงๆ ในตอนนั้นครับ” เขาเล่าต่อ “ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณออกกำลังกาย คุณควรสนุกไปกับการออกกำลังกาย แต่สุดท้ายแล้วคุณกลับโฟกัสไปที่เป้าหมายของคุณ ผมคิดว่าถ้าคุณคิดถึงปัจจุบัน คุณจะรู้สึกเครียดน้อยลง มีความสุขมากขึ้นและรู้สึกขอบคุณมากขึ้นครับ”

คิมอูบินยังเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการมาเป็นนักแสดงหลังจากเริ่มต้นด้วยการเป็นนายแบบด้วยว่า “ผลงานเดบิวต์ของผมคือซีรีส์เรื่อง ‘White Christmas’ และส่วนใหญ่เพื่อนนักแสดงในเรื่องนั้นก็เป็นนายแบบครับ ผู้กำกับมักจะสอนพวกเราเสมอ เขาจะพูดว่า ‘อย่ายืนแบบเท่ๆ อย่าเดินแบบเท่ๆ’ พวกเราต่างยืนและเดินแบบเท่ๆ โดยไม่รู้ตัวครับ หลังจากนั้นผมก็เริ่มใส่ใจเรื่องการเดินของผมมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นตัวละครฮึงซูของผมในเรื่อง ‘School 2013’ ผมใส่ความคิดลงไปเยอะมากด้วยตัวเองและพูดกับตัวเองว่า ‘ผมคิดว่าฮึงซูจะเดินแบบนี้ ผมคิดว่าฮึงซูจะวิ่งแบบนี้’ ครับ”

ล่าสุดคิมอูบินได้เซ็นสัญญากับบริษัทต้นสังกัดใหม่ AM Entertainment ที่เป็นต้นสังกัดเดียวกับชินมินอา (Shin Min Ah) แฟนสาวที่คบกันมายาวนานของเขา หลังจากเขาพักงานในปี 2017 เพื่อพักรักษาร่างกายตัวเองจากอาการโรคมะเร็งทางโพรงจมูก เขาก็กำลังเตรียมตัวคัมแบคอีกครั้ง  ปีที่แล้วคิมอูบินได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากวงการและแฟนๆ เมื่อเขากลับมาเจอกับทุกคนอีกครั้งในงาน Blue Dragon Film Awards ในฐานะผู้มอบรางวัลและล่าสุดเขาก็ได้เป็นผู้บรรยายให้กับรายการสารคดี “Humanimal” ทางช่อง MBC ด้วย

ผลงานภาพยนตร์ชิ้นต่อไปของเขาคือเรื่อง “Alien” (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ที่ร่วมแสดงกับรยูจุนยอล (Ryu Jun Yeol), คิมแทริ (Kim Tae Ri), โจอูจิน (Jo Woo Jin), ฮันนี่ลี (Honey Lee), คิมอึยซอง (Kim Ui Sung) และยอมจองอา (Yum Jung Ah)

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X