|
BTS เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นและความจริงใจของพวกเขาที่แสดงออกมาให้เห็นในอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่ 4 "MAP OF THE SOUL: 7"
ในช่วงบ่ายของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ BTS ได้จัดงานแถลงข่าวเนื่องในโอกาสการปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่ 4 "MAP OF THE SOUL: 7" โดยครั้งนี้เป็นการคัมแบคในรอบ 10 เดือนหลังจากอัลบั้ม "MAP OF THE SOUL: PERSONA" ที่ออกมาในเดือนเมษายน 2019
ในตอนแรก งานแถลงข่าวมีกำหนดการที่จะจัดขึ้นในเวลา 13:45 น. ตามเวลาเกาหลีที่กังนัม เมืองโซล แต่ถูกเปลี่ยนเป็นงานถ่ายทอดสดแทนเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ด้วยเหตุนี้บริษัท Big Hit Entertainment จึงเปิดรับคำถามจากผู้สื่อข่าวไว้ล่วงหน้าก่อนงานแถลงข่าว
อัลบั้ม "MAP OF THE SOUL: 7" ปล่อยออกมาในวันที่ 21 กุมภาพันธ์และเป็นผลงานอัลบั้มที่ 2 ในซีรีย์ "MAP OF THE SOUL" ซึ่งแสดงถึงการเดินทางในการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
ในงานแถลงข่าวนี้ BTS ได้มีโอกาสเปิดเผยถึงเรื่องราวที่แท้จริงเมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวในช่วงตลอด 7 ปีของวง ซึ่งเป็นการเดินทางเพื่อค้นหาอัตตาที่สมบูรณ์แบบและการยอมรับอัตตาที่อยากจะบอกให้โลกรู้ รวมถึงเงามืดที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจมาอย่างยาวนานในตอนที่ยังไม่อยากพูดถึงอัตตาของตนเอง
และเรื่องราวการทำอัลบั้ม "MAP OF THE SOUL: 7" ของ BTS มีดังนี้
อัลบั้มเต็มที่ 4 "MAP OF THE SOUL: 7" เป็นอัลบั้มแบบไหน?
จิน (Jin) : เป็นอัลบั้มที่เปิดเผยความรู้สึกลึกๆ ภายในจิตใจของพวกเราที่ซ่อนเอาไว้มาเป็นเวลานานและภาพลักษณ์ที่แท้จริงของพวกเราครับ
อาร์เอ็ม (RM) : เมื่อเดือนสิงหาคมกับเดือนกันยายน วงของเราได้มีวันหยุดพักยาวคครับ การคัมแบคถูกเลื่อนออกไป และหลังจากหายไป 10 เดือน พวกเราก็ได้กลับมาอีกครั้ง เราอยากพูดถึงเรื่องราวดีๆ ด้วยเหตุนั้น อัลบั้มนี้จึงมีเพลง "Shadow" ที่พูดถึงอาการบาดเจ็บของวงและเพลง "Ego" ที่พูดถึงข้อความในการก้าวต่อไปข้างหน้าครับ นี่เป็นอัลบั้มที่เปิดเผยถึงความมุ่งมั่น, ความยากลำบากและความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดของพวกเราครับ
เพลงไตเติ้ล "ON" เป็นเพลงแบบไหน?
ชูก้า (Suga) เล่าว่า “เพลงไตเติ้ล 'ON' เล่าถึงเรื่องการเผชิญหน้ากับความท้าทายของวงครับ” โดยจองกุก (Jungkook) แสดงออกถึงความมั่นใจของเขาว่า “และเราก็ได้ปล่อย 'Kinetic Manifesto Film' ของเพลง ‘ON’ ออกมาในแบบยิ่งใหญ่ของวงร่วมกับแดนเซอร์และวงดนตรีมาร์ช ในคลิปยังประกอบไปด้วยการเต้นเดี่ยวและการเต้นแบบยูนิตด้วย เราเตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับเพลง ‘ON’ หวังว่าจะได้รับความสนใจจากทุกคนนะครับ”
เมื่อเดือนมกราคม คุณได้ปล่อยเพลงออกมาทางดิจิตอลและปล่อยคลิปอาร์ตฟิล์มของเพลง "Black Swan" ในอัลบั้มเต็มที่ 4 "MAP OF THE SOUL: 7" ด้วย
จีมิน (Jimin): มันเป็นประสบการณ์ครั้งใหม่ของวงของเราครับ พวกเราได้ร่วมงานกับทีมเต้นของสโลวีเนีย แฟนๆ อาจจะรู้สึกสับสนหรือพบว่ามันเป็นเรื่องใหม่ เพลง "Black Swan" เป็นเพลงที่พูดถึงการสารภาพถึงเรื่องราวชีวิตของศิลปินครับ เพลงนี้ไม่เพียงแต่เน้นเรื่องความอ่อนไหวทางศิลปะเท่านั้น แต่ยังมุ่งเป้าไปที่การโฟกัสที่เหมาะสมอีกด้วย มันเป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับผมเช่นกันครับ เราออกแบบท่าเต้นเพลง "Black Swan" เพื่อเตือนให้คุณนึกถึงภาพยนตร์ศิลปะ ดังนั้นช่วยตั้งตารอกันด้วยนะครับ
มรดกแบบไหนที่ BTS ทิ้งเอาไว้เมื่อเวลาผ่านไป?
จีมิน: เพลงของพวกเราครับ นี่คือเหตุผลที่พวกเราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำอัลบั้มที่มีคุณภาพสูงครับ ผมคิดว่าถ้าแฟนๆ คิดเหมือนกันและรักอัลบั้มของพวกเรา อัลบั้มของพวกเราก็จะเป็นมรดกที่พวกเราทิ้งเอาไว้ครับ
ล่าสุดวงของคุณเพิ่งไปขึ้นแสดงในงาน "62nd Grammy Awards"
ชูก้า: ผมดีใจที่ได้ไปยืนบนเวที 'Grammys' 2 ปีติดครับ ครั้งแรกพวกเราแค่ไปรับรางวัลแล้วก็กลับบ้านเลย ในตอนนั้นผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง ครั้งนี้ตอนที่พวกเราขึ้นแสดงในงาน 'Grammys' ผมนึกถึงตอนที่พวกเราไปร่วมงาน 'Billboard Awards' ครับ พวกเรามุ่งไปข้างหน้าทีละก้าว ผมอยากที่จะไปร่วมงานรับรางวัลอีกในปีหน้า ถึงแม้เราจะไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการเสมอไป แต่เราก็จะทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะไปอยู่ตรงนั้นในปีหน้าได้ครับ
เป้าหมายของคุณสำหรับอัลบั้มนี้คืออะไร?
เจโฮป (J-Hope): ผมหวังว่าจะเป็นอัลบั้มที่มีความหมายต่อแฟนๆ ครับ
วี (V): หวังว่าการทัวร์คอนเสิร์ตของเราจะเป็นไปได้ด้วยดีครับ ผมอยากจะทำงานต่อเนื่องด้วยสุขภาพที่ดีครับ
ในงาน "Golden Globe Awards" ผู้กำกับบงจุนโฮ (Bong Joon Ho) บอกว่าอิทธิพลของ BTS นั้นยิ่งใหญ่กว่าของเขา 3,000 เท่า
ชูก้า: คำชมของเขาทำให้ผมเขินครับ ผมเป็นแฟนคลับของผู้กำกับบงจุนโฮและดูหนังของเขามาทุกเรื่องเลย และผมก็มีความสุขมากตอนที่ดูเรื่อง "Parasite" ครับ ผมคิดว่ามีศิลปินที่ยอดเยี่ยมหมายคนมากในเกาหลี ดังนั้นผมจึงคิดว่าผู้กำกับบงชมเราแบบนั้นเพราะเขาหวังว่าทุกคนจะได้รู้จักศิลปินที่ยอดเยี่ยมคนอื่นๆ ด้วยครับ
ทำไม BTS ถึงได้รับความรักที่มากมายได้?
อาร์เอ็ม: ผมคิดว่าศิลปินที่สะท้อนถึงภาพรวมของยุคสมัยออกมาได้ดีจะได้รับความรักมากมายจากทุกคนครับ พวกเรากำลังพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงเรื่องนั้นผ่านเพลงและท่าเต้นครับ บางทีพวกเราอาจจะได้ทำในยุคสมัยนี้ออกมาแล้ว ในความคิดเห็นของผม ความเป็นห่วงที่พวกเรารู้สึกได้ไม่ได้มีเพียงแต่ของพวกเราเท่านั้นแต่ยังมีของทุกคนในยุคสมัยนี้ทั่วโลกที่เห็นอกเห็นใจกันและตระหนักถึงกันด้วย สิ่งเหล่านี้มันเป็นเสน่ห์ในแบบใหม่ไม่ใช่หรอครับ? ผมได้ยินมาว่าเมื่ออาร์มี่รักพวกเรา พวกเขาจะสนใจในเรื่องของเกาหลีและภาษาเกาหลีด้วย ผมรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจในฐานะคนที่ใช้ภาษาเกาหลีเป็นภาษาแม่ครับ
พวกคุณทำเพลงมากมายอย่างต่อเนื่องในอัลบั้ม "MAP OF THE SOUL: 7" คุณรู้สึกกดดันกับเรื่องการประสบความสำเร็จบ้างไหม?
ชูก้า: มันคงจะเป็นการโกหกถ้าบอกว่าไม่มีความกดดันเรื่องนั้นครับ ผมคิดว่าการทำตามเป้าหมายได้สำเร็จนั้นสำคัญกว่าการประสบความสำเร็จครับ เรารู้สึกว่าเราต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เราสามารถทำได้ในเวลาที่ใกล้เข้ามาถึงครับ ถ้าพวกเราทำแบบนั้นได้ พวกเราก็จะทำผลลัพธ์ได้ดีขึ้นในอนาคตครับ
จิน: ผมรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากเลยครับ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการเดินทางนั้นสำคัญกว่าผลลัพธ์ครับ
ในงานอีเว้นท์หลักก่อนการคัมแบคของคุณ คุณได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอยู่ตลอดกับการคัมแบคครั้งนี้ เหตุผลของความมั่นใจของคุณคืออะไร?
จีมิน: ผมชอบเพลงของวงเราจริงๆ ครับ ผมมั่นใจมากว่าผมจะมีความสุขในตอนที่ร้องเพลงเหล่านั้นครับ เราอัดเพลงเสร็จประมาณเดือนพฤศจิกายน 2019 ดังนั้นผมจึงมั่นใจมากและอยากจะร้องเพลงเหล่านี้เร็วๆ เพราะพวกมันคือเพลงโปรดของผมครับ ผมหวังว่าทุกคนจะชอบและสนุกไปกับมันครับ
ถ้าให้คุณเลือกช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดและช่วงเวลาที่เหนื่อยที่สุดใน 7 ปีที่ผ่านมา?
จองกุก: มันทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาในสมัยเป็นเด็กฝึกครับ ตอนที่พวกเราเดบิวต์ เมมเบอร์ทุกคนคิดว่าชื่อวง BTS ฟังดูไม่ดีเท่าไหร่ ในขณะที่ผมชอบมันมาตั้งแต่แรกเลยครับ (หัวเราะ) เราเปล่งประกายได้เมื่อเราอยู่กับอาร์มี่ครับ
ชูก้า: ไม่ใช่เมื่อวานนี้ ไม่ใช่ 1 ปีก่อน แต่นี่เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกมีความสุขมากที่สุดครับ ช่วงเวลาที่เหนื่อยที่สุดคือตอนที่คุณพยายามที่จะปรับตัวเรื่องความแตกต่างของไทม์โซนในหลายๆ ประเทศครับ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าพอใจเลย
เจโฮป: เราคุยกันและแก้ปัญหาการทะเลาะกัน จากกลุ่มของสมาชิก 7 คนที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นไม่ได้เต็มไปด้วยแค่ความทรมานเท่านั้นครับ เมื่อพวกเรา 7 คนอยู่ด้วยกัน ผมรู้สึกได้ถึงความสนุกและความสุขครับ ผมมีความสุขตอนที่เราเห็นด้วยกับกันและกัน ผมคิดว่าผมคงเศร้าถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ครับ
วี: ผมมีความสุขที่ได้เจอเพื่อนๆ อาร์มี่ในหลายๆ ประเทศทั่วโลกครับ ตอนที่ทัวร์คอนเสิร์ต เราแค่เดินทางระหว่างสนามบิน – โรงแรม – ที่เล่นคอนเสิร์ตครับ BTS แสดงคอนเสิร์ตเหมือนเป็นงานเทศกาลและกลายเป็นตัวตนหลัก แต่เมื่อพวกเราอยู่ในรถที่กำลังเดินทางกลับ ความรู้สึกว่างเปล่าก็ท่วมท้นขึ้นมาในตัวของพวกเราครับ ในตอนนี้ผมผ่านความรู้สึกนั้นมาได้แล้วครับ
จินกำลังเตรียมตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกรม
จิน: ผมคิดว่าหลายๆ คนอาจจะสงสัยเกี่ยวกับการเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกรมของผม อย่างที่คุณรู้ ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ครับ ผมจะระวังคำพูดที่ออกไปของผม แต่การเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกรมเป็นเรื่องที่ต้องทำ ผมตั้งใจที่จะทำตามความต้องการของชาติเมื่อใดก็ตามครับ ผมพยายามแบบนั้นเพื่อที่ว่าเมื่อมีการติดสินใจเรื่องการเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกรมแล้ว ผมจะแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ในทางที่ดีครับ
ถ้าให้พูดถึง 7 ปีที่ผ่านมาของ BTS และอีก 7 ปีต่อไปของ BTS คุณจะพูดว่าอย่างไร?
อาร์เอ็ม: ผมร้องไห้ตอนที่เขียนเพลงดาร์คอย่าง "Black Swan" ครับ ผมคิดเยอะมากเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในอดีต ผมเคยกลัวตอนที่ต้องแสดงภาพลักษณ์ที่อ่อนแอออกมา เมื่อมองย้อนไปที่การเดินทาง 7 ปีของผม ผมได้ทำผิดพลาดและมีบางครั้งที่ผมไม่รู้อะไรเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อมองย้อนกลับไปดูในทุกสิ่งทุกอย่าง ผมก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องโชคดีมากที่สมาชิกอีก 6 คนปรากฏตัวเข้ามาในชีวิตของผมครับ ผมคิดว่าผมโชคดีมากที่ได้เต้นและได้ทำเพลงกับคนเหล่านี้ครับ เพราะแบบนั้น ผมเลยทำงานอย่างหนักในการเขียนเพลงนี้ บางครั้งผมก็รู้สึกเบื่อตอนที่มองหน้าสมาชิกในวงครับ (หัวเราะ) แต่ผมหวังว่าในอนาคต ผมจะมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขในการทำงานได้ต่อไปครับ
จีมิน: ด้วยหลายๆ เหตุผล ผมมักจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพครับ คุณต้องมีสุขภาพดีในการทำอะไรๆ ผมหวังว่าคุณจะสุขภาพดีอยู่เสมอครับ ผมต้องทำงานอย่างหนักในการโปรโมทครั้งนี้ ดังนั้นช่วยให้ความรักกับเพลงของพวกเราเยอะๆ นะครับ
เจโฮป: นับจากนี้ไปคือการเริ่มต้นครับ ผมพูดอยู่เสมอว่าผมจะทำให้คุณไม่รู้สึกเสียดายที่คุณรัก BTS ครับ BTS จะทำงานอย่างหนักเพื่อที่แฟนๆ จะได้ไม่เสียดายที่รักพวกเราครับ