สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากจะทรงเป็นแบบฉบับให้เห็นถึง วิถีชีวิตครอบครัวอันงดงาม ที่ชายหญิงดำเนินชีวิตเคียงข้างกันไปได้ โดยราบรื่นส่งเสริมกันและกันในกรณียกิจทั้งปวง เพื่อความเจริญก้าวหน้าของครอบครัวแล้ว
ในฐานะองค์ พระประมุขนั้น ก็มิใช่ว่าพระองค์จะทรงมีหน้าที่เฉพาะภายในพระราชวงศ์
แต่ยังทรงแผ่พระมหากรุณาไปถึงทวยราษฎร์ทั่วเขตรัฐสีมาด้วย
จะเห็นได้จากในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2522 ได้มีพระราชดำรัสถึงการที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ได้ถวายพระเกียรตินำพระฉายาลักษณ์ไปสลักไว้บนด้านหนึ่งของเหรียญเซเรส
ว่า “การที่ข้าพเจ้ามีกำลังใจกำลังกายปฏิบัติหน้าที่รับใช้ บ้านเมือง ก็ด้วยนึกถึงคำของพ่อที่สั่งสอนไว้ตั้งแต่เด็ก
และ เมื่อแต่งงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงสอนตลอดมาว่า แผ่นดินนี้มีบุญคุณแก่ชีวิตพวกเรามากมายนัก
เพราะฉะนั้น ชีวิตที่เกิดมาอย่าให้ว่างเปล่า จงคอยตอบแทนให้รู้สึกเสมอว่า เป็นหนี้บุญคุณ“
การที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะมุ่งมั่น และทรงตรากตรำพระวรกายบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่อย่างเอาจริงเอาจัง เพื่ออำนวยคุณประโยชน์แก่ชาติและอาณาประชาราษฎร์ โดยมิได้ทรงย่อท้อนั้น
พระองค์ได้ทรงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดั่งพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2522
ตอนหนึ่งว่า ทรงสั่งสอนข้าพเจ้าและลูกๆ ว่า เมื่อคนเขายกย่อง นับถือให้เป็นประมุขมาเท่าไร ก็ต้องรู้สึกว่าเราต้องทำงานให้หนักกว่าทุกคน ต้องมีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ
นักข่าวต่างประเทศเคยถามว่า ที่ออกเยี่ยมเยียนราษฎรนี้ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือ
ซึ่งก็ตอบไปว่า “เหนื่อยไม่ได้ เพราะบ้านเมืองของเรามีคนยากจนรอความช่วยเหลืออีกมากมายก่ายกอง
พระเจ้าอยู่หัวรับสั่ง ให้ข้าพเจ้าดูแลเกี่ยวกับครอบครัว ความจริงแล้ว ตัวเองไม่มีหัวหรอกที่จะไปคิดสงเคราะห์สตรี
แต่รับสั่งว่า ให้ดูแลครอบครัว ข้าพเจ้าก็เลยดูไปว่า จะช่วยเหลือเขาได้อย่างไร”
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชานุญาต ให้ นายเดนิส เกรย์ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเอพี เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน
เพื่อขอพระราชทานสัมภาษณ์และเขียนรายงานข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจต่างๆ และพระราชปณิธาน ที่ทรงช่วยเหลือราษฎร
มีพระราชดำรัสตอนหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถตอบข้อสงสัยของผู้คน ที่เคยคิดว่า ในยุคสมัยที่การเดินทางไปต่างประเทศเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและเป็นที่นิยมกัน
ความในพระราชดำรัสนั้น พระองค์ทั้งทรงตอบและทรงยกย่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า
ในเรื่องเกี่ยวกับพระราชภาระอันหนัก บางครั้งเมื่อฉันเกิดเหนื่อยขึ้นมา ฉันเคยคิดว่าน่าจะได้ไปพักผ่อน ณ สถานที่บางแห่ง เช่น ฮาวาย สักระยะหนึ่ง
แต่แล้วพระเจ้าอยู่หัว ก็มักรับสั่งกับฉัน ว่า “จะทอดทิ้งประชาชนไปจริงๆ หรือ ในยามที่ บ้านเมืองกำลังลำบากอยู่เช่นในขณะนี้
จะเห็นได้ว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงมีความเสียสละมากกว่าฉัน พระองค์ท่านทรงเป็นดวงประทีปที่ให้ความสว่างแก่ฉันตลอดมา”
พระราชินีมีความชำนาญด้านดนตรี โดยเฉพาะการเล่นเปียโน พระองค์จึงสุภาพสตรีคนเดียวที่พระมหากษัตริย์หนุ่มไทยทรงโปรดปรานด้วยพระราชหฤทัยจรดจ่อเป็นอย่างยิ่ง
เนื้อหาจาก คู่พระบารมีศรีแผ่นดิน
สารคดี เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ที่มา : http://women.mthai.com